คนเกษียณ..เรียนลัด ......ทุ่งช้าง-หลวงพระบาง…บันทึกการเดินทาง...สู่ฝัน

รายงาน/รูป "สรุปทริป" จากที่ได้ปั่นมา
รูปประจำตัวสมาชิก
นู๋เล็ก
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1003
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2011, 00:14
Tel: 0880917500
team: -
Bike: SURLY,NOBEL STAR

คนเกษียณ..เรียนลัด ......ทุ่งช้าง-หลวงพระบาง…บันทึกการเดินทาง...สู่ฝัน

โพสต์ โดย นู๋เล็ก »

:)คนเกษียณ..เรียนลัด (1)...ทุ่งช้าง-หลวงพระบาง…บันทึกการเดินทาง...สู่ฝัน :)

;) :o :P โหมโรง.........

:) เดิมทีผมจะรายงานเป็นแค่สรุปทริป..แบบที่ทำทั่วๆไป คือมีรูปแล้วก็บรรยายนิดหน่อย...แต่ความที่เรื่องฝอยมันมีมากและก็อยากให้...
พวกมือใหม่ๆที่ยังไม่เคยออกทริปยาวๆหรือต่างประเทศเลย...ได้มีความรู้เกี่ยวกับการเตรียมตัวต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นจักรยาน สัมภาระ การเดินทางโดยรถทัวร์ และสิ่งละอันพันละน้อยต่างๆ...
เท่าที่ประสบการณ์ของ คนเกษียณมือใหม่อย่างผมจะพอถ่ายทอดให้อ่านกันได้ จึงได้เขียนอย่างยาวเลย ทั้งยังต้องแบ่งเป็น ตอนๆ เนื่องจากข้อจำกัดของการโพสต์
และใช้คำว่า ..บันทึกการเดินทาง...อย่างน้อยก็เป็นประวัติศาสตร์การเขียนบันทึกของผมครับ.. :lol: :lol:

:roll: ทริปนี้ผมปั่นจาก อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน ไปลาว-หลวงพระบาง เป็นครั้งแรกที่ปั่นไปต่างแดน ผมมีประสบการณ์ใหม่ๆหลายประการ ที่อยากจะมาบอกเล่าให้อ่านกัน
คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับพวกขาอ่อนที่ปั่นด๊อกแด๊กแบบผม และคิดอยากจะเป็นนักทัวร์ริ่งกับเขาบ้างไม่มากก็น้อย ....

8-) ส่วนพวกที่ขาแข็ง หรือมีประสบการณ์มากแล้วก็โปรดลองอ่านดู ความคิดของมือใหม่
และหากจะมีเกร็ดความรู้ปลีกย่อยต่างๆเพิ่มเติม เพื่อประโยชน์กับนักปั่นท่านอื่นบ้าง ก็เชิญเสริมข้อมูลได้เลยครับจะขอบคุณเป็นอย่างสูง....

:D หลังจากที่ผมได้สอบผ่านการปั่น ขึ้นเขาเขียว-เขาใหญ่ เมื่อปลายเดือน พ.ค.54 แล้ว แม้พรรษาการปั่นจะมีเพียง 4 เดือน เศษ...
ถ้าเปรียบเหมือนนักมวยก็เป็นพวกกระดูกยังอ่อน..แต่ก็มีความมั่นใจพอสมควรในการปั่นไปเที่ยวลาว-หลวงพระบาง ในต้นเดือน มิ.ย.54 กับกลุ่ม อ.จารึก

ทั้งนี้ประสบการณ์อันน้อยนิดได้สอนให้ต้องเตรียมสภาพรถให้พร้อมกับเส้นทาง และศึกษาข้อมูลการเดินทางโดยรถทัวร์ตลอดจนการนำจักรยานบรรทุกไปด้วย...
เอาละครับผมจะกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมต่างๆก่อน…

อันดับแรก....หนังสือเดินทาง หรือ พาสปอร์ต ลืมไม่ได้เด็ดขาดและต้องมีอายุจากวันกลับ 60 วัน ด้วยครับ

ต่อไปจัดการกับจักรยาน....

รถที่ผมใช้คือ trek 3900 disc.จานหน้า 42-34-24 เฟืองหลัง 11-32 เกียร์แบบนี้สำหรับพวกขาแข็งๆ ขึ้นเขาสบายมากครับ
แต่สำหรับพวกขาอ่อน โดยเฉพาะพวก สว.ถ้ามีตัวช่วยอีกสักนิด ก็จะช่วยผ่อนแรงขาไปได้มาก...

ผมได้จัดการปรับแต่งโดยหยิบยืมจานหน้าจากพี่อำนาจ ขนาด 44-32-22 ของ shimano LX และได้กะโหลกกลวง พร้อมทั้งเฟือง sram 34 T จาก อ.วิทยา จากการปรับแต่งครั้งนี้ ช่วยผ่อนแรงได้จากเดิม 14-15% ทีเดียว

วิชาและขั้นตอนการถอด ประกอบต่างๆ ก็ได้ อ.วิทยาเป็นคนชี้แนะให้ผมเป็นผู้ลงมือถอดเอง เริ่มตั้งแต่จานหน้า ก็ถอดบันได,ขาจาน,จาน, กะโหลกเหลี่ยมเดิมออก แล้วใส่กะโหลกกลวง,ขาจาน,จานใหม่เข้าไป เฟืองหลังก็ถอดน๊อตล้อคเฟือง ,ชุดเฟือง, เปลี่ยนใบเฟือง เอาใบ 32 T ออก แล้วใส่ใบ 34 T แทน จากนั้นก็มาตั้งสับจานใหม่ให้เปลี่ยนเกียร์ได้ทุกเกียร์ อันนี้ค่อนข้างละเอียดมากครับ ความรู้เหล่านี้นับได้ว่ามีประโยชน์มากทีเดียวครับ

คราวนี้..รถทัวร์

ความที่ยังไม่เคยย่างกรายไปที่ขนส่งหมอชิตใหม่เลย..ทำให้ผมต้องไปจองตั๋วล่วงหน้าห้าวัน โชคดีหน่อยที่มีรถเมล์ฟรีเพื่อประชาชนจากบ้านผมถึงขนส่งหมอชิต
ผมได้สอบถามข้อมูลการเดินทางต่างๆ ทราบว่าในการนำจักรยานไปด้วยนั้น บริษัททัวร์ส่วนใหญ่จะเก็บค่าระวางจักรยานคันละ 100-150 บาท
แต่สำหรับรถทัวร์ของ บริษัทขนส่งจำกัด (บขส.)จะไม่เก็บค่าระวาง

;) ผมจึงได้จองตั๋วรถทัวร์ VIP 24 ที่นั่ง ไป อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน ในวันที่ 6 มิย.เวลา 20.00 น. โดยจอง 2 ที่นั่ง ไปกับคุณตู่ 87 ตากล้องมือหนึ่งของกลุ่ม สว. ได้สอบถามถึงชานชลา และเวลาที่รถทัวร์จะเข้ามาจอด เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนวันเดินทางจริง

มาถึง...สัมภาระ..กันบ้าง

ได้สอบถามผู้เชี่ยวชาญการออกทริปหลายๆท่าน ก็แนะนำให้เอาของไปเท่าที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้น ของสิ่งใดที่อาจจะได้ใช้ไม่ต้องเอาไป ซึ่งในครั้งนี้แต่ละคนต้องเตรียมเครื่องมือที่จำเป็นต่างๆ เช่น ยางในอะไหล่ อุปกรณ์ปะยาง สูบลม ไฟติดจักรยาน เต้นท์ ถุงนอน แก้วน้ำ จาน ชาม ช้อน เตาแก๊ส ส่วนของใช้ส่วนตัว เช่นยาประจำตัว เสื้อผ้าต่างๆก็เอาเท่าที่ต้องใช้อาหาร ของขบเคี้ยวใครอยากแบกไปก็แล้วแต่ :o

การที่ต้องนำอุปกรณ์ยังชีพต่างๆไปด้วยเพราะ การออกทัวริ่งสไตล์อ.จารึก ทุกคนต้องสามารถ ช่วยตัวเองได้
ค่ำไหนนอนนั่น อาจจะต้องนอนกลางแจ้ง ตามอุทยานแห่งชาติ โดยไม่มีหลังคากันฝน

สำหรับผม ในทริปนี้ตัดเรื่องเตาแก๊สออกไป เพราะยังไม่มีและอาศัยของ อ.จารึกไปก่อน ถึงกระนั้นก็เถอะ เมื่อลองบรรจุสิ่งของต่างๆลงกระเป๋าและประกอบเข้ากับจักรยานแล้ว น้ำหนักก็ปาเข้าไป 13 กิโล ไม่ขาดไม่เกิน นี่ยังไม่รวมน้ำดื่มที่จำเป็นต้องติดตัวอีก 3 ขวด รวม น้ำหนัก 3-4 กิโลแล้วนับว่าหนักเอาเรื่องเลยครับ :o

วันเดินทาง 6 มิ.ย.54

:) ในที่สุดวันแห่งการรอคอยก็มาถึง สว.มือใหม่..หัวใจบอลลูน ปั่นมาได้ 4 เดือนเศษ ก็จะปั่นไปต่างประเทศละครับ
รถทัวร์ออก 20.00 น.จะถึง ทุ่งช้าง ประมาณ 7.30 น.วันรุ่งขึ้น
และ อ.จารึกซึ่งเดินทางปั่นไปรับสมาชิกตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. เริ่มที่ อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน ก็จะมารับผมที่สถานีขนส่ง...

:cry: วันนี้ จู่ๆ ผมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดเมื่อยร่างกายเหมือนจะมีอาการไข้หวัด เพื่อความไม่ประมาทจึงได้ติดยา ดีคอลเจนไป 2 แผง และพาราอีก 1 แผง
ก่อนออกจากบ้านได้โทรศัพท์คุยกับคุณตู่ ก็ทราบว่ากำลังจะออกจากบ้านที่ลาดพร้าว 87 ปั่นไปขนส่งหมอชิต

ผมก็ออกจากบ้านโดยสารถีประจำตัว ก็เจ้านายน่ะครับไปส่งให้ ไปถึงพอๆกับคุณตู่ ในเวลาราว 18.00 น. ตอนยกจักรยานลงจากท้ายรถเก๋งนี่ซีครับ..เท้าขวาดันตกลงไปในท่อระบายน้ำ ซึ่งเป็นตระแกรงเหล็กที่ดันวางห่างกันตรงที่ยกรถลงพอดี เล่นเอาข้อเท้าแพลง และเจ็บมาถึงสะโพก ต้องยืนนวดอยู่สักพักจึงทุเลา คิดว่าจะปั่นไหวไหมเนี่ย ซุ่มซ่ามจริงๆเลย.. :cry:

เมื่อจูงรถเข้าไปในสถานีขนส่ง..มีนักปั่นท่านหนึ่งเข้ามาทักทายและชี้ไปยังเพื่อนที่นั่งอยู่กับพื้นริมกำแพง
หลังจากแนะนำตัวกันแล้วทราบว่า คือพี่เสือดอนดี และพี่เสือมานะ แปลงยาว ทั้งคู่ปั่นมาจากบ้าน โดยพี่เสือดอนดีปั่นมาจากบ้านแถวไทรน้อย ส่วนพี่เสือมานะ ปั่นมาจาก อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา โน่นเลย

ความจริงผมก็จะปั่นมาจากบ้านเหมือนกันแต่กลัวว่าว่าจะถูกรถชนตายเสียก่อนครับ สักครู่ก็มีเสือสร้อย มาสมทบกับพี่เสือดอนดี และคุณตู่มาสมทบกับผม ทีมพี่เสือดอนดีไปรถ บขส.ออกเวลา 18.30 น. ถึงทุ่งช้างประมาณ 05.30 น. ส่วนผมจะถึงประมาณ 7.30 น.

:? ช่วงวุ่นวายอีกครั้งก็ตอนเอารถจักรยานขึ้นรถทัวร์ครับ ต้องถอดล้อหน้า ถอดบังโคลน และยัดตัวรถเข้าไปในช่องเก็บสัมภาระซึ่งสูงไม่มาก
ต้องวางนอนดังนั้นโอกาสสีถลอกหรือตีนผีหักมีมาก เราต้องเป็นคนยกเองครับ คนรถจะคอยจัดให้เข้าที่เท่านั้น..
มีข้อแนะนำสำหรับท่านที่จักรยานยังใหม่ สียังดีอยู่ ผู้รู้แนะนำให้ใช้ยางในจักรยานผ่าครึ่งแล้วพันรอบท่อตั้งท่อนอนเลยไม่ต้องเอาออกตลอดทริป ดูไม่สวยแต่ไม่เป็นรอย เลือกเอาครับ ...กลับมาทริปนี้รถผมสีถลอกไปเกือบ 2 ซม.ครับ

8-) บนรถทัวร์ VIP 24 ที่นั่ง นั่งสบายจริงๆ เบาะเอนนอนได้มาก เหยียดขาได้สุดๆ แต่ก็นั่นแหละครับ ความตื่นเต้นทำให้ผมนอนไม่ค่อยหลับ ผิดกับคุณตู่ซึ่งพักเดียวก็กรนแล้ว เมื่อรถออกจากสถานีต้องวิ่งฝ่าสายฝนมาตลอดจนถึงนครสวรรค์ฝนจึงขาดเม็ด บนรถผมหลับได้ประมาณ 2 ชั่วโมง และเริ่มมีอาการไอเป็นระยะๆ

เวลา 7.20 น.เช้าวันที่ 7 มิ.ย. รถทัวร์ก็มาถึงจุดหมาย ที่นั่นมีห้องสุขา อ่างล้างหน้า พอให้ทำธุระส่วนตัวได้ สภาพร่างกายผมปวดสะโพกจากการตกท่อเล็กน้อย อาการหวัดยังไม่หนักหนาอะไร พี่เสือดอนดี พี่ มานะ และเสือสร้อย ซึ่งมาถึงก่อนได้เข้ามาทักทายและพร้อมที่จะออกปั่นแล้ว ส่วน อ.จารึกก็มารออยู่แล้วและให้เวลามือใหม่ ประกอบอุปกรณ์เต็มที่
รูปภาพ

วันแรก....ทุ่งช้าง- อ.เฉลิมพระเกียรติ (บ.ห้วยโก๋น.)

หลังจากจัดการกับอาหารเช้าในตลาดและเตรียมเสบียงระหว่างทางแล้ว กลุ่มสุดท้าย 3 คน คือ อ.จารึก คุณตู่ และผม ก็เริ่มออกปั่นในเวลา 9.30 น.
ระยะทางวันนี้ประมาณ 53 กม.ส่วนใหญ่จะเป็นการปั่นบนเขา ฝนตกพรำๆสลับกับหนาเม็ดในบางช่วงทำให้ต้องหาที่หลบริมทางบ้าง เมื่อออกจากอำเภอทุ่งช้าง ทางเริ่มขึ้นเนินไปเรื่อยๆยังไม่ชันมากนัก พอปั่นได้สบายๆ คุณตู่ก็ทำหน้าที่ตากล้อง บันทึกภาพความทรงจำไปตลอดทาง ผม และ อ.จารึก ซึ่งปั่นอยู่หน้ากล้อง ก็กลายเป็น สองดาราเอกของทริปไปโดยปริยาย... :lol:

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

เจ้าจานหน้า 22 และเฟืองหลัง 34 T ทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี ปั่นไม่หนักแรงมาก ยังคิดว่า ถ้าเฟืองหลังเป็น 36 T ละก็คงปั่นไปผิวปากไปได้แน่ๆ อายุมากแล้วต้องมีเครื่องทุ่นแรงหน่อยครับ

พวกเราปั่นมาได้ประมาณ 2 ชั่วโมง ก็แวะพักที่เพิงข้างทาง จัดการกับเสบียงที่เตรียมมา ตามด้วย กล้วย กาแฟ จนอิ่ม จากนั้นก็งีบกันตามสบาย........
จนเวลา 13.00 น.จึงเริ่มออกเดินทางต่อ ในช่วงบ่ายอากาศก็ยังคงสบาย ๆ แดดไม่ร้อน ฝนไม่มีแล้ว วิวสองข้างทางสวยแปลกตาจนต้องจอดถ่ายรูปเป็นระยะ ๆ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ


ปั่นมาได้สัก 1 ชม. รถ อ.จารึก ก็โซ่ขาดเพราะอัดขึ้นเขาเต็มที่ โซ่ขาดแล้ว อ.จารึก ยังคุยว่านี่ดีนะถ้าเป็นมือใหม่คงล้มคว่ำไปแล้ว..... ระวังนะรุ่นอาจารย์ก็เถอะ มีพลาดเข้าสักวัน 555....

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ



เมื่อซ่อมโซ่เสร็จก็ปั่นต่อมาอีกสักพักถึงบ้านปางหกมีโรงเรียน และร้านค้าซึ่งเป็นเพิงอยู่ข้างทาง อ.จารึก แวะเข้าไปคุยกับครูสาวเพียงคนเดียวของโรงเรียนซึ่งมีนักเรียน 45 คน และคุณยาย(ความจริงรุ่นเดียวกัน) คนขายน้ำผึ้ง แถมได้ขอชิมน้ำผึ้งด้วยว่าแท้หรือไม่แท้ คนขายก็ดีใจหายให้ชิม ชิมขวดแรกยังไม่พอชิมอีกสองขวดด้วย อ้างว่าจะได้ยุบเท่า ๆ กัน ....ลูกเล่นรุ่นอาจารย์ครับ..... ชิมเสร็จไม่ซื้ออีกต่างหาก อ้างว่าเดี๋ยวแบกไปขวดจะแตก.... คนขายทำหน้าไม่ถูกเลยครับ :roll:

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

;) ;) เมื่อออกปั่นต่อมาทางเริ่มชันมากขึ้น ๆ ทุกทีนัยว่าใกล้จะถึงจุดที่สูงที่สุดแล้ว ต่อไปก็จะเป็นทางลงเสียส่วนใหญ่ สภาพภูเขาสองข้างทางถูกบุกรุก ปลูกพืชไร่ ดูไปเหมือนเขาหัวโล้นเหมือนกัน ถึงว่า จ.น่าน พอมีฝนตกหนัก ๆ ติดต่อกันต้องมีอันน้ำท่วมหรือน้ำป่าไหลทะลักทุกที

รูปภาพ

:o ล้อยก...ยกล้อ...ประสบการณ์ตื่นเต้นมีอีกครับ...ความที่ผมต้องแบกน้ำหนักข้างหลัง 13 กก. และน้ำอีก 3-4 กก.
ประมาณอีก 14 กม. จะถึง อ.เฉลิมพระเกียรติ ในช่วงขึ้นเนินชันและต้องเลี้ยวโค้งผมก็ปั่นชิดซ้ายตามปรกติ ความที่ช่วงโค้งชันมาก
ล้อหน้ายก ลอย จะหงายหลัง ปรกติผมจะใช้เบรกหน้าเพื่อให้รถหยุดสนิทคราวนี้ เบรกไปก็ไร้ผล เพราะล้อหน้าลอย จะเบรกหลังก็งง ๆ ทำอะไรไม่ถูก....

เพราะเสี้ยววินาทีนั้น...ล้อหน้ามันลอยข้ามไหล่มาแล้ว สัญชาติญาณรักตัวกลัวเจ็บผมจึงรีบเอาเท้าลงยันพื้นไว้ แต่มือยังคงจับแฮนด์ให้รถลอยข้ามไหล่ไป...
ล้อหน้ากลับมาอยู่ข้างหลังช่วงนี้ตั้งสติได้แล้วจึงเบรกล้อหลังและประคองรถไว้ไม่ให้ล้ม.....

เคยมีรุ่นพี่ ๆ เตือนเรื่องนี้แล้วว่าถ้าขึ้นเขาชัน ๆ และบรรทุกของข้างหลังหนัก ๆ เวลาปั่นให้โน้มตัวไปข้างหน้าด้วย แต่ในชีวิตจริงมันก็โน้มไม่ถนัดหรอกครับ
ประสบการณ์คราวนี้ทำให้ครั้งต่อไป เวลาจะขึ้นเนินชันแล้วเลี้ยวโค้งผมจะต้องปั่นออกไปด้านนอกของถนน เพราะจะชันน้อยกว่าแต่ก็ต้องระวังรถที่สวนลงมาด้วยนะครับ :lol: :lol:

รูปภาพ

ประมาณสัก สี่โมงเย็น พวกเราก็มาถึงจุดที่สูงสุดแล้ว เพราะมีทหารเกณฑ์จากฐานปฏิบัติการห้วยโก๋นขี่มอเตอร์ไซด์ ขึ้นมาจอดพูดคุยด้วย คุณตู่ปั่นขึ้นมาถึงยอดเนินก่อน ตามด้วย อ.จารึก และผมรั้งท้ายห่าง ๆ บนเนินวิวสวยงามมองได้รอบทิศ เราจัดการเสบียงที่เหลือ (กล้วย)ทั้งหมด เพราะเหลือระยะทางอีกเพียง 10 กม.เศษ ก็จะถึงจุดหมายปลายทางแล้วไม่ต้องแบกให้หนักอีก

รูปภาพ

รูปภาพ

ลงเนินมาสักพัก อ.จารึก ขอแวะที่บ้านกำนัน ต.ห้วยโก๋น ก่อนนัยว่าเพื่อขอน้ำกิน กำนันมีร้านค้าของชำอยู่ฝั่งตรงข้ามที่ทำการ มีภรรยาเป็นคนขายจัดน้ำเย็นอย่างดีมาให้พวกเรา คุยกันสักพักก็เดินทางต่อ

:? ช่วงปั่นขึ้นมาถนนใหญ่ รถผมโซ่ตกครับ.. หล่นจากเฟืองหนึ่งเข้าไปติดตรงซอกเฟรม แกะยังไงก็ไม่ออกสุดท้าย อ.จารึก ต้องถอดน๊อตยึดจานออกหนึ่งตัว แล้วค่อย ๆ ดันจึงออกได้ การที่โซ่ตกครั้งนี้ก็เพราะขาจานที่ใส่และกะโหลกมันไม่เข้ากับสับจาน เหตุนี้การปั่นต่อ ๆ ไป ของผมจึงต้องระวังอย่างมากตอนเปลี่ยนจากจานสองมาจานหนึ่ง เพราะโซ่จะตกประจำแม้จะตั้งสับจานใหม่แล้วก็ตามพอรู้ตัวว่าโซ่ตกต้องรีบหยุดปั่นขา แล้วลงมาจับโซ่เข้าในเฟืองใหม่

รูปภาพ

อีกเพียง 5 กม.เท่านั้นก็จะถึงบ้านห้วยโก๋นแล้ว ยังมีเนินชันข้างหน้าให้ขึ้นอีกเรียกว่าจากเชิงเขาถึงยอดเขาเลยก็ว่าได้ แต่เจ้าเฟือง 22-34 ช่วยไว้ได้มากครับขึ้นได้ตลอด ที่บ้านห้วยโก๋นเราแวะพักที่สถานีตำรวจขอเติมน้ำและนั่งคุยกับตำรวจอีกครู่ใหญ่



รูปภาพ

รูปภาพ

ถึงบ้านห้วยโก๋นนึกว่าจะถึงแล้วแต่ที่ไหนได้ยังต้องปั่นไปที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ อีก 5 กม. เพื่อเข้าที่พัก ช่วงนี้ยังเป็นเนินชันและเขาชันอีกหลายลูก เราสวนทางกับพวกเด็กนักเรียนที่ขี่มอเตอร์ไซด์บ้าง ขี่จักรยานบ้าง เดินบ้าง เพื่อกลับบ้านเป็นระยะ ๆ

เมื่อลงเนินสุดท้าย ซ้ายมือคือที่ว่าการอำเภอเฉลิมพระเกียรติ สนามหญ้าหน้าอำเภอเขียวขจี น่ากางเต็นท์นอนมาก แต่ยังครับยังไม่ใช่ที่พักของพวกเรา อ.จารึก ได้โทรสอบถาม อ.พงษ์มณี ที่ปั่นมาจาก น่าน ซึ่งเป็นผู้จัดเตรียมที่พัก เราต้องปั่นไปสุดเขตที่ว่าการอำเภอแล้วยูเทริน์ขวามือ
เข้าถนนเขตโรงเรียนมัธยมพระราชทานเฉลิมพระเกียรติ และต้องปั่นขึ้นเนินยาวววววววว...

รูปภาพ


รูปภาพ


8-) ในที่สุดก็มาถึงลานที่เป็นร้านขายอาหารมีเด็กนักเรียนประจำนั่งทานข้าวเย็นกันอยู่หลายโต๊ะ พวกเราจึงสั่งอาหารมาทานก่อนราคาค่อนข้างถูก เมื่ออิ่มแล้ว อ.พงษ์มณี ก็ปั่นพาเข้าที่พัก ซึ่งเป็นเรือนรับรองของโรงเรียน ที่นอนสบายมีหลายห้อง ห้องละ 8 เตียง มีทีวี พัดลม พร้อม....

รูปภาพ

ที่เรือนรับรองผมได้รู้จักกับนักปั่นอาวุโสอีกหลายๆ ท่าน เท่าที่จำได้ก็มี อ.ชอบ , พี่ไพศาล, เฮียหมง, พี่สิงขร, พี่สมศักดิ์, พี่สมขาย, พี่เสือสามจอ, อ.มัลลิกา ได้พูดคุยกันถึงการปั่นในวันนี้ เพราะ สว.มือใหม่ขาอ่อนอย่างผมยังปั่นมาได้ ยอมรับว่าเหนื่อยมากในบางช่วง แต่พอมาถึงที่พักความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าก็หายไปหมด วันนี้สุขภาพร่างกายของผมยังเป็นปรกติดี หัวใจบอลลูนยังไม่มีปัญหา อาการหวัดก็ยังไม่กำเริบมาก แต่ก่อนนอนผมก็ทานยาพาราไป 2 เม็ด

ในวันนี้ผมปั่นได้ระยะทาง 53 กม. ใช้เวลา 4.21 ชม. ความเร็วเฉลี่ย 8.7 กม/ ชม. ความเร็วสูงสุด 52.9 กม/ชม. ความเห็นส่วนตัวสำหรับการปั่นในวันนี้ยอมรับว่าโหดมาก โหดกว่าเขาใหญ่กับเขาเขียวเสียอีก เพราะระยะทางขึ้นเขาชันและยาวกว่ามาก ผมว่าโหดกว่า 3-4 เท่าครับ ใครที่ว่าขึ้นเขาเขียวเขาใหญ่ได้แล้ว ลองมาปั่นที่ทุ่งช้าง-ห้วยโก๋นดูบ้างซิครับ จะรู้เอง :lol: :lol: :lol:

มุ่งสู่ชายแดนไทย-ลาว (8 มิ.ย.54)
:D :D เช้าวันรุ่งขึ้นทุกคนพร้อมและเริ่มทยอยออกปั่นกันตั้งแต่ 7.30 น. โดยจะทยอยไปกลุ่มละ 3-4 คน เพราะการข้ามแดนไปลาว ถ้าเป็นกลุ่มใหญ่อาจจะต้องมีไกด์ลาวนำทางตามกฎหมาย ซึ่งจะคิดเงินแพงมาก ประมาณ 8.00 น. ผอ.โรงเรียนพระราชทานเฉลิมพระเกียรติได้ขึ้นมาที่เรือนพักเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย ได้คุยกับพวกเราสามคนซึ่งเป็นกลุ่มสุดท้ายอยู่นาน และได้ร่ำลากันเมื่อเวลา 8.30 น. :P :P

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

พวกเราปั่นออกมาก็แวะทานอาหารและเตรียมเสบียง ที่ร้านอาหารตามสั่ง หน้าฐานปฎิบัติการห้วยโก๋น ประมาณ 9.00 น. ก็ปั่นไปที่ชายแดนระยะทางประมาณ 2 กม. อ.จารึก ได้แวะทักทายเพื่อนเก่าที่ อบต.ห้วยโก๋น สักพักพบ อ.พงษ์มณี ซึ่งปั่นไปส่งคณะที่ด่านชายแดน และปั่นกลับมา บอกว่ากลุ่มเสือ 3 จอ จากอุตรดิตถ์ ไม่สามารถเข้าลาวได้เนื่องจากพาสปอร์ตมีอายุเหลือไม่ถึง 6 เดือน นับว่าน่าเสียดายยิ่งเพราะอุตส่าห์ปั่นมาจากอุตรดิตถ์หลายวัน หลายร้อยกิโลเมตรแล้ว :cry: :cry:

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

เราทำเอกสารออกจากด่านศุลกากรทุ่งช้างและปั่นต่อไปถึงด่านน้ำเงิน ด่านเข้าเมืองของลาว เมื่อทำเอกสารเข้าเมืองเรียบร้อยก็ถือว่าเราได้ข้ามแดนมาต่างประเทศแล้ว เริ่มปั่นในลาวเมื่อเวลา 10.35 น.

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

ด่านน้ำเงิน-ปากแบง ถนนที่ออกจากด่านแย่มากเป็นหินร่อนแทบไม่เห็นผิวยางมะตอยเลย มีโคลนจากฝนตกเป็นหลุมเป็นบ่อราว 1 กม. แต่พอพ้นช่วงนี้ก็มาถึงสามแยกที่จะต้องเลี้ยวซ้ายไปปากแบง ถนนสายบ้านน้ำเงินหรือเมืองเงิน –ปากแบง สภาพยังดีมากเพราะเพิ่งเปิดใช้งานมาปีเศษ ไทยเรามีส่วนร่วมทุนสร้างด้วย

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

จุดเริ่มของถนนคือบ้านน้ำเงินหรือเมืองเงิน มีความเจริญมากพอสมควร มีร้านค้ามากมายเป็นตึกสมัยใหม่ ตลาดสดใหญ่โตผู้คนคึกคัก อ.จารึก แวะแลกเงินที่ธนาคารในตลาด คุณตู่ก็ตระเวนถ่ายรูปอยู่บริเวณนั้น ส่วนผมปั่นล่วงหน้ามาก่อนแวะถ่ายรูป และคุยกับชาวบ้านข้างทาง แดดในวันนี้ค่อนข้างจะแรงและร้อน ขนาดชาวบ้านที่เดินอยู่หรือแม้แต่พระสงฆ์ที่ปั่นจักรยานก็ยังกางร่มกันทุกคนผมปั่นขึ้นเนินมาสักพักก็หาที่หลบร้อนใต้ร่มไม้ใหญ่คอยดักถ่ายรูป อ.จารึก และคุณตู่ ซึ่งยังมาไม่ถึง

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ


;) สภาพบ้านเมืองที่เมืองเงินนี้มีสถานที่ราชการ โรงเรียน วัด หลายแห่ง ขนาดถนนสายหลักนานๆ จึงจะมีรถบรรทุกใหญ่ ๆ วิ่งผ่านไปมา ชาวบ้านส่วนใหญ่จะใช้รถมอเตอร์ไซด์ ซึ่งคนลาวเรียกว่ารถจักร และรถจักรยาน ซึ่งเรียกว่ารถถีบ วีถีชีวิตดูเรียบง่ายแม้ความเจริญด้านวัตถุและเทคโนโลยีจะคืบคลานเข้ามามากแล้วก็ตาม

ผู้คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อัธยาศัยดีเมื่อเห็นเราปั่นผ่านไปก็จะโบกมือให้พร้อมทักทายว่า สะบายดี ซี่งแปลว่าสวัสดี อาจจะเพราะรัฐบาลปลูกฝังให้ต้อนรับนักท่องเที่ยวก็ได้ เราพูดคำว่า สะบายดี ตอบจนคอแห้ง และคำนี้พูดตั้งแต่เข้าประเทศลาวจนออกจากประเทศลาว

เมื่อปั่นพ้นชุมชนมาได้สัก 2-3 กม. สองข้างทางก็จะเริ่มเป็นทุ่งนา สวน นาน ๆ จึงจะมีบ้านสักหลัง ต้นไม้ใหญ่ ๆ ยังไม่มีเพราะเป็นถนนตัดใหม่ ทางเริ่มขึ้นเขาชันมากขึ้น ๆ จาน 22-34 ยังคงทำหน้าที่ได้อย่างดี...

รูปภาพ

รูปภาพ

ประมาณเกือบบ่ายโมงพวกเราก็จอดรถ และหลบเข้าใต้พุ่มไม้ข้างทางเติมพลังงานด้วยเสบียงที่เตรียมมา ต้มน้ำร้อนชงกาแฟและนอนพักผ่อน แสงแดดวันนี้ร้อนจริง ๆ ลมแทบไม่กระดิกเลย ขนาดผมใส่เสื้อแขนยาวยังรู้สึกแสบแขน คุณตู่ และ อ.จารึก ใส่เสื้อแขนสั้นผิวถึงกับเป็นสีหนังไก่ย่างห้าดาวเลย :(

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

การปั่นช่วงต่อจากนี้ไปค่อนข้างจะโหดมากต้องใช้ความอดทนสูงทีเดียว.. :roll: .ทางขึ้นเขาชันยาว ๆ เป็นสิบ ๆ กม. ผมว่ามันชันและยาวกว่าเมื่อวานที่ปั่นจากทุ่งช้างมาห้วยโก๋นเสียอีก แดดหรือก็ร้อนแสนร้อน ในใจยังคิดว่าเราบ้าไปหรือเปล่าอยู่ดีไม่ว่าดีออกมาปั่นจักรยานให้เหนื่อยแล้วก็ร้อนเพียงเพื่อจะมาเที่ยวหลวงพระบาง... แต่ไหน ๆ ก็มาแล้ว เมื่อขึ้นหลังเสือ (ภูเขา) แล้วก็ต้องไปจนถึงที่สุด ผมปั่นไปหยุดพักไปเป็นระยะ ๆ เพื่อดื่มน้ำ และถือโอกาสพักขาไปในตัว อากาศร้อนในวันนี้ทำให้ดื่มน้ำเปลืองมาก ..

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

ประมาณเกือบบ่ายสองโมงก็มาถึงจุดชมวิวบนยอดเขาสูงลูกหนึ่ง จอดรถแวะพักขาและถ่ายภาพวิวรอบๆด้าน แล้วก็ปั่นต่อไป ถนนดูเหมือนจะมีแต่ขึ้นเขา..ขึ้นเขา..ไม่สิ้นสุด
จนกระทั่งผ่านไปอีก 1ชั่วโมง ก็มาถึงบ้านทอง แวะที่ร้านค้าข้างทาง อุดหนุนน้ำเกลือแร่ และโค๊กขนาดหนึ่งลิตร ตามด้วยขนมต่างๆ เจ้าของร้านใจดีให้พวกเราเติมน้ำใส่ขวดได้เต็มที่ เสร็จแล้วผมก็ถือโอกาสงีบนิดนึง.. :lol: :lol:

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

เราพักกันที่ร้านค้าประมาณครึ่งชั่วโมง สอบถามถึงท่าเรือที่เราต้องข้ามฟากก็อยู่อีกเกือบยี่สิบกิโลเมตร แต่ยี่สิบกิโลเมตรบนเขานี่ใช้เวลาไม่น้อยเลยนะครับ ยังใจชื้นอยู่ว่าท่าเรือมันจะต้องอยู่ที่แม่น้ำ ซึ่งอยู่ต่ำดังนั้นจะเป็นทางลงเสียมากกว่า จากนั้นผมก็เริ่มปั่นออกไปก่อน เวลาตอนนี้ ราวสามโมงครึ่งกว่าๆ แสงแดดที่ร้อนแรงในช่วงแรกก็เริ่มมีเมฆมาบดบัง ท้องฟ้าเริ่มครึ้ม สักครู่ฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาแม้จะไม่หนาเม็ดนักแต่ก็ทำเอาเย็นเยือกไปทีเดียว :? :?

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

สี่โมงครึ่งแล้ว..อ.จารึกได้ข้อมูลจากไหนก็ไม่รู้ว่าเรือเฟอรี่ข้ามฟาก หมดตอนห้าโมงเย็น... อ.จารึกเลยปั่นเร็วลุยฝนล่วงหน้ามาเพื่อดูลาดเลา ยังไงก็จะได้ตีตั๋วจองไว้ก่อน... ดึงเวลาไว้รอพวกขาอ่อนที่ตามมา....ผมก็กลัวจะไม่ทันเหมือนกัน เพราะถ้าไม่ทันก็จะต้องเหมาเรือชาวบ้าน ซึ่งโคตรแพงเลย...ความที่กลัวเสียตังค์มาก..(ขี้เหนียว).. ผมปั่นไม่คิดชีวิตเลย ฝนก็ตก ดีที่ส่วนใหญ่เป็นการลงเนิน ก็แทบไม่ได้เบรคเหมือนที่ผ่านมาแล้ว มาถึงไล่หลัง อ.จารึก แป๊ปเดียว..ซึ่งเป็นเวลา 17.05 น. อ.จารึก ยังเป็นงงว่า มันปั่นมาได้ยังไงวะ..ตามมาด้วยคุณตู่ซึ่งหยุดแวะถ่ายรูปอยู่บนเนิน...

รูปภาพ


ปรากฏ ว่า...เรือหมด หกโมงครึ่ง ครับ...ถ้ารู้อย่างนี้ ผมคงไม่ปั่นเร็วเสี่ยงชีวิตมาหรอก ปั่นด๊อกแด๊กไปเบรคไป สบายกว่า 555... อ.จารึก..ได้ไปตีตั๋ว ข้ามฟาก เจอไปคนละ 60 บาท ทั้งคนทั้งรถถีบ..อ.จารึกถามว่า..เอ เคยขึ้นแค่ 40 บาทเองนี่นา..คนขายตั๋วตอบว่า ขึ้นราคามานานแล้วผมแอบถาม สาวๆชาวบ้านว่า เสียเท่าไร ได้รับคำตอบว่า 60 บาท เหมือนกัน เฮ้อ...โล่งอก..นึกว่าโดน ลาวฟันซะแล้ว... :lol:

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

เรือข้ามฟากใช้เวลาราว 10 นาที ก็ข้ามโขงมายังอีกฝั่ง แล้ว..ก็เข็นรถถีบจากท่าเรือขึ้นมาด้านบน..อยากจะหาอะไรใส่ท้องกัน แต่เวลาค่อนข้างเย็นแล้วอาหารตามสั่งก็เลิกขาย..เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราจึงปั่นต่อเพราะอีกเพียง 11 กม เท่านั้นก็จะถึงปากแบง...เมื่อปั่นมาได้สักกิโลเดียว อ.จารึกก็ขอหยุดเติมพลัง โดยเอาเสบียงเท่าที่มีออกมาทานกันให้หมด..อิ่มท้องพอควรแล้ว ก็ปั่นต่อไป.อีกไม่ถึง 10 กม.ก็จะถึงแล้ว ...

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

:P :P บรรยากาศหลังฝน เย็นสบายสดชื่นมาก ไอน้ำและไอหมอก ลอยตัวอยู่ท่ามกลางแมกไม้และยอดเขา สวยงามไปอีกแบบ ช่วงนี้เป็นช่วงที่ขึ้นเขาชันมากอีกช่วงหนึ่ง เมื่อมาถึงยอดเนิน..พวกเราหยุดถ่ายรูป ...

ด้านซ้ายมือเป็นลำน้ำโขงสีน้ำตาลขุ่น ไหลอ้อยอิ่งเลียบไปตามความลาดชันของเทือกเขา...ด้านหลังเป็นหมู่แมกไม้ เขียวครึ้มสดใส..ฉากหลังคือขุนเขาที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างลงตัว...ประดับด้วยรุ้งกินน้ำที่ทาทาบไปกับท้องฟ้าสีเทาหม่น หากมองย้อนกลับไปในทิศที่เราเพิ่งจะปั่นขึ้น มา จะเห็นถนนคดเคี้ยว ที่สร้างเลียบลำน้ำที่ไหลล้อไปตามแนวเทือกเขา เหมือนงูใหญ่เลื้อยอย่างมีชีวิต ด้านขวาจะมีร่องรอยดินถล่มจากน้ำฝนที่ไหลกัดเซาะภูเขา....ที่ถูกทำลายโดยฝีมือมนุษย์เพื่อตัดถนน...โดยอ้างความสะดวกในการสัญจร.... เส้นทางจากนั้นก็สุดอเมซิ่ง ขึ้นๆลงๆ เลียบลำน้ำโขงไปตลอด.... :o :o

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

ปั่นมาเรื่อยๆก็มีป้ายบอกทางแยกไปปากแบง อีกกิโลเมตรเดียวเท่านั้นก็จะถึงจุดหมายปลายทางของวันนี้แล้ว..อ.จารึกบอกว่าเป็นเส้นทางลัด ถนนผ่านหมู่บ้าน เคยมาครั้งนึงแล้ว ให้ผมนำลงไปก่อน... พอผมเลี้ยวขวาลงไปได้เพียงห้าสิบเมตรเท่านั้นก็ต้องจอดให้ อ.จารึกนำหน้าไปก่อน ก็ถนนข้างหน้ามันเป็นลูกรังทั้งนั้นและหลังฝนตกนึกภาพเอาแล้วกันครับว่าจะเละขนาดไหนผิดกับถนนที่ปั่นมาทั้งวันเลย นี่หรือทางลัด... :cry: :cry:

รูปภาพ

อ.จารึกปั่นล่วงหน้าไปแล้วก็โบกมือเรียกให้ตามไป ไปก็ไปครับ สักพัก อ.จารึกยังต้องลงเข็น ผมก็ลงเข็นด้วย กลัวยางรถจะโดนของมีคมบาดเอาครับ ในบางช่วง มีกองเชียร์อีนางน้อย(เด็กผู้หญิง)ช่วยเข็นด้วย แต่คุณตู่พยายามปั่นแบบไม่เข็นเลย ทางลัดกิโลเมตรเดียวนี่น่าจะเรียกว่ากิโลลาวครับพอๆกับกิโลแม้วบ้านเรา เสียเวลาไปไม่น้อยเลย พ้นจากช่วงนี้ก็เริ่มมีชุมชนมากขึ้นและถนนก็ดีแล้ว จนถึงที่พัก วันนี้พวกเราใช้เวลาชื่นชมธรรมชาติอย่างเต็มอิ่มหลายรูปแบบจนหมดวัน

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ


ในที่สุดก็มาถึงจุดหมายปลายทาง เมื่อเวลา 19.00 น.พอดีๆ ที่ๆเราพักเป็นเรือนพักริมแม่น้ำโขง มีร้านอาหารอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วย ที่จริงปากแบงนี่เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวเยอะครับ เพราะถ้านั่งเรือจากหลวงพระบางไปเชียงของ หรือเชียงของไปหลวงพระบาง เรือก็จะวิ่งมาหนึ่งวันแล้วจอดให้พักที่ปากแบงนี่ ดังนั้นจึงมีที่พัก ซึ่งลาวเรียกว่าเรือนพัก อยู่มากมาย และช่วงที่พวกเรามาเป็นช่วง โลว์ซีซั่น ราคาจะค่อนข้างถูก แต่ต้องต่อรองเอาครับ

รูปภาพ

รูปภาพ


รูปภาพ

ผมใช้เวลาปั่นวันนี้ 5.58 ชั่วโมง ระยะทาง 57.68 กม.ความเร็วเฉลี่ย 9.6 กม/ชม. ความเร็วสูงสุด 61.3 กม/ชม.ร่างกายยังพอไหวปวดเมื่อยกล้ามเนื้อนิดหน่อย แต่อาการไอเริ่มมากขึ้น คงเป็นเพราะเจอทั้งแดดทั้งฝนนั่นเอง เมื่อมาถึงผมจัดการเก็บสัมภาระแล้วมาสมทบกับพวกที่มาก่อนซึ่งทานอาหารกันเรียบร้อยแล้วแต่ยังนั่งคุยกันอยู่ได้สั่งอาหารมาทานราคาค่อนข้างแพงเอาเรื่องคงจะได้โอกาสฟันนักท่องเที่ยวเต็มที่ ก็เขาคิดค่าห้องพักถูกก็ต้องคิดค่าอาหารแพงชดเชยกันไป... :lol: :lol: :lol:

เช้าวันที่ 9 มิย.54
หลายคนตื่นกันตั้งแต่ตีห้าทำให้ผมต้องพลอยตื่นไปด้วยผู้ที่แต่งตัวเสร็จแล้วก็ทำอาหารเช้าทาน อ.จารึก ซึ่งกางเต้นท์ที่นอกชานก็ตื่นมาต้มมูสลีกับข้าว และกาแฟ เป็นอาหารเช้า ด้านเฮียหมงก็หุงข้าวต้ม โดย อ.มัลลิกา หิ้วกับข้าวมาร่วมวงด้วย พวกเราทานอาหารเช้าและนั่งชมทิวทัศน์ยามเช้าของแม่น้ำโขงที่นอกชานเรือนพักกันนานพอควร

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

ประมาณ 7.00 น. หลายคนก็เตรียมตัวออกปั่น อ.มัลลิกา และเสือสร้อย เช็คความเรียบร้อยของจักรยาน พี่เสือดอนดี พี่มานะ และพี่สมชาย สามคนนี้ผมจำไม่ได้ว่าใครยางรถแบนหรือแบนทั้งสามคน ต้องถอดปะยางกันคงเพราะลุยทางลัดมาปากแบงเมื่อวานนี้ กลุ่มผู้อาวุโสไม้ค้ำตะวัน อ.ชอบ พี่ไพศาล เฮียหมง พี่สิงขร พร้อมออกปั่นไปก่อน

ผม อ.จารึก และคุณตู่ ก็เก็บของและเตรียมจักรยานไม่รีบร้อน ผมมาที่ร้านอาหารพบพนักงานห้องอาหาร 5 คน กำลังทานข้าวเหนียวกันจึงเตร่เข้าไปดู เขาก็เลยเรียกร่วมวง เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจผมเลยทดลองชิมดู ในวงอาหารมีข้าวเหนียวนึ่ง 1 กระติ๊บ กับข้าวมี ยำปลากระป๋อง ไข่เจียว และตำแตง (ยำแตงกวา) ผมชิมซะอิ่มเลย แถมยังขอข้าวเหนียวไปเป็นเสบียงระหว่างทางด้วย.. :lol: :lol:

ปากแบง-เมืองแบง ในวันนี้เราต้องปั่นกันค่อนข้างไกล ระยะทางประมาณ 80 กว่า กม. แต่มีเขาชันไม่ค่อยมาก เรากลุ่มสุดท้ายเริ่มปั่นจากร้านอาหารเมื่อ 9.30 น. แวะซื้อเสบียงติดตัวในตลาดที่ปั่นผ่าน เมืองปากแบงมีความเจริญมาก ตึกรามบ้านช่องดูหรูหรา แต่ก็ยังมีบ้านไม้แบบดั้งเดิมสลับอยู่ด้วย แสงแดดในวันนี้ร้อนมากอีกแล้ว เราปั่นมาพ้นเขตชุมนุมชน บ้านเรือนเริ่มบางตาจนกลายเป็นป่าและเขาไปหมด

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

ประมาณ 45 นาทีเราปั่นมาพบหมู่บ้านซึ่งมีเด็กผู้หญิง 2 คน กำลังตำข้าวอยู่ข้างทางหน้าบ้าน จึงจอดรถแวะเข้าไปคุย คุณตู่ทดลองตำข้าวกับเด็ก ๆ ด้วย คุณแม่ลูก 6 ชาวลาว ได้มาคุยด้วย ก่อนจากกันก็ได้ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก ช่วงที่ปั่นต่อไปก็เป็นการขึ้นภูเขาแต่ไม่ชันมาก มีการตัดต้นไม้ใหญ่ ๆ กันมาก เขาหัวโล้นก็มีให้เห็น คิดว่าอีกไม่กี่ปีก็เป็นเหมือนบ้านเราแน่ๆ

รูปภาพ

รูปภาพรูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ


พวกเราหยุดพัก ต้มน้ำชงกาแฟทานกันข้างทาง แดดร้อนมาก ผมถือโอกาสเอาผ้าออกมาตาก การตากผ้านี้ผมชอบไอเดียของคุณตู่มากคือ จะเอาผ้าที่ซักแล้วใส่ในถุงซักผ้าแบบตาข่ายที่ใช้กับเครื่องซักผ้าในบ้านเราแล้วผูกไว้ด้านบนของสัมภาระที่เราบรรทุก แดดร้อนก็เหมือนตากไปในตัวครับ

รูปภาพ

เอาอีกแล้วครับแดดร้อน ๆ อยู่ดี ๆ ท้องฟ้าก็เริ่มมืดฝนตกไล่หลังมาอีก ต้องปั่นกลางฝนอยู่ราว 15 นาที หมดฝนแล้วแดดก็ออกมาอีกอย่างนี้จะไม่ป่วยได้อย่างไร ร่างกายแก่ ๆ ทนสมบุกสมบันขนาดนี้ไหวก็มนุษย์เหล็กละครับ ช่วงนี้คุณตู่เห็นผมกับ อ.จารึก ปั่นค่อนข้างช้า ความจริงผมเป็นคนปั่นช้าเอง อ.จารึก เป็นคนปั่นคุมหลังเลยต้องพลอยช้าไปด้วย คุณตู่จึงปั่นล่วงหน้าไปหาวิวถ่ายรูปก่อนและไปดักรอเราข้างหน้า

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

พวกเราหยุดพักกันอีกครั้งที่ศาลาตลาดนัดริมทางซึ่งมีเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ชาวบ้านจะมาชุมนุมซื้อขายสินค้ากัน ผมและ อ.จารึก ถือโอกาสงีบกันอีกรอบหนึ่ง :lol: :lol:

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

อีก 60 หลัก (กม.) ก็จะถึงเมืองแบง เราเพิ่งปั่นมาได้ 20 กว่ากม. เอง สองข้างทางเป็นไร่ข้าวโพดซึ่งทราบว่าทางบริษัท ซีพี ได้มาลงทุนที่นี่ให้เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย กับชาวไร่ และแลกเปลี่ยนกันด้วยผลผลิตที่ได้ มีชุมชนตั้งอยู่เป็นระยะ ๆ พอที่จะหาซื้อของกินได้ ระหว่างทางเราได้อุดหนุนถั่วแขก 3 กำกับแม่ค้าตัวน้อย ๆ เพื่อให้เฮียหมงทำอาหารเช้าให้คณะของเรา เนื่องมาจากอากาศร้อนมากตามหมู่บ้านข้างทางมีเด็ก ๆ มาอาบน้ำบ่อกันอย่างสนุกสนาน ตะโกนสะบายดีทักทายพวกเรา :P :P

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ


เกือบบ่ายโมงพวกเราแวะจอดที่ร้านค้าข้างทาง เมียเป็นคนขายของ ผัวเป็นช่างซ่อมรถจักร (มอเตอร์ไซด์) เราเข้าไปขอหลบแดดที่ร้าน ผมสั่งนมกล่องมาทาน 1 กล่อง คุณตู่สั่งสไปร์ทมาดับกระหาย 1 กระป๋อง ข้าวเหนียวที่ตุนมาถูกเอาออกมาทาน เราสั่งปลากระป๋องมาเป็นกับข้าว แม่ค้าคนขายยกเอาข้าวเหนียวมาให้เรา 1 กระติ๊บใหญ่ :P .. ผมสงสัยว่าทำไมหนอน้ำใจคนลาวนี่ช่างดีจริง ๆ คนแปลกหน้าก็ยังต้อนรับเป็นอย่างดี และเป็นเช่นนี้ตลอดทางที่เราแวะพัก อาจจะเป็นเพราะสังคมของคนลาวในชนบทไม่ค่อยแก่งแย่งชิงดีกัน ทำให้จิตใจผู้คนอ่อนโยน มีเมตตาก็เป็นได้ น้ำใจเช่นนี้คงหาได้ยากในเมืองไทย..

รูปภาพ

เมื่อทานเสร็จผม และ อ.จารึก ก็ยึดแคร่ชาวบ้านที่นั่งถักเสื้ออยู่ขอเขานอนงีบหนึ่ง เขาก็เลยลุกให้เรานอนได้เต็มที่ เด็ก ๆ แถวนั้นมามุงดูเราเหมือนเป็นตัวประหลาดอะไรสักอย่าง :? :?

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

สักพักผมก็ออกปั่นล่วงหน้าไปก่อน ประมาณบ่าย 3 โมงเราก็มาถึงเมืองฮุน ซึ่ง อ.จารึก บอกว่ามีร้านอาหารดี ๆ ถูก ๆ หลายร้าน จะแวะทานกลางวันกันแต่ปั่นวนเวียนอยู่หลายเที่ยวก็ไม่เจอสักร้านเลยปิดกันหมดแล้ว

รูปภาพ

ลองเข้าไปดูที่ร้านอาหารจีนเป็นตึกใหญ่โตมีห้องพักสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย เจ้าของร้านเป็นหญิงชาวจีนท่าทางไม่ค่อยรับแขกยิ่งเห็นพวกเราปั่นจักรยานเข้าไปด้วยแล้วคงนึกว่าเป็นพวกซำเหมาพเนจรก็ยิ่งไม่อยากต้อนรับเลย แกพูดภาษาลาวก็ไม่ได้แต่ฟังพอได้ เราจะสั่งอาหารก็ราคาแพงมากจนไม่กล้าสั่งในที่สุด อ.จารึก ก็ควักเงินออกมาให้เท่าที่คิดว่าเราพอรับได้วางไว้และให้ทำอาหารมาให้เราตามจำนวนเงิน... :roll:

เราส่งภาษาใบ้ปนไทยโดยลูกน้องลาวเป็นล่าม ในที่สุกแกก็ตกลงทำให้ ทำบะหมี่น้ำมาให้เราคนละชาม น้ำต้มบะหมี่เด็กจะเอาจากถังน้ำดื่ม แกก็ให้ไปเอาน้ำที่ก๊อกแทน แต่เราเห็นว่าเดี๋ยวต้องต้มให้เดือดเลยไม่ว่าอะไร... บะหมี่ยกมาชามใหญ่พอควรตัวเส้นก็ใหญ่นุ่มมีผักหลายชนิดเนื้อหมูเล็กน้อย และใส่ไข่มาด้วย เราจะขอน้ำในถังมาดื่มก็ไม่ยอมให้ ไม่รู้ว่าแกต้องทำธุรกิจเลยขี้เหนียวหรือเราเป็นเป็นพวกเกษียณไม่มีรายได้เลยเป็นคนขี้ตืดกันแน่ แต่ลูกน้องที่เป็นคนลาวยังบอกว่าเจ้าของใจดำมาก :lol: :lol: :lol:

เราทานเสร็จก็ออกปั่นมุ่งหน้าไปเมืองแบง ขณะนั้นคงจะ เกือบ 6 โมงเย็นแล้ว ชาวบ้านออกมาอาบน้ำกันแถวลำคลองบางกลุ่มก็เดินไปอาบน้ำที่แม่น้ำซึ่งต้องเดินราว 2 กม.เราคิดว่าถ้าเป็นเราอาบน้ำเสร็จเดินกลับมาก็คงได้เหงื่อต้องกลับไปอาบอีกแน่ๆ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ


คุณตู่พบเด็กผู้หญิง 2 คน พี่น้อง โบกมือทักทายจึงเข้าไปคุยแล้วแกล้งถามว่าจะมืดแล้วขอนอนที่บ้านเจ้าได้บ่ เด็ก ๆ บอกว่าให้ปั่นตามไปที่บ้านจะบอกพ่อให้ เมื่อถึงบ้านซึ่งอยู่ริมถนน คุณตู่ก็ได้แต่พูดว่าขอบใจหลายเจ้าช่างมีน้ำใจงามแท้ๆ

รูปภาพ

รูปภาพ

;) ดวงอาทิตย์เริ่มจะลับขอบฟ้าแล้วแสงสว่างของวันก็เริ่มจางหายลงไปด้วย แต่ก็ยังพอมองเห็นทางได้ถนัดเรามาถึงบ้านภูคำ ซึ่งเหลืออีกประมาณ 10 กม.ก็จะถึงเมืองแบง เราหยุดพักขากันอีกครั้งแล้วผมก็ปั่นนำต่อเช่นเดิม ความที่รู้ว่าใกล้จะถึงและกลัวจะมืดมากผมเลยปั่นเต็มที่ไม่ออมแรงแล้ว ปั่นฝ่าความสลัวของสภาพรอบกายโดยไม่กลัวหลุม บ่อ เลย เพราะมองไม่ค่อยเห็น มาถึงเมืองแบงก็มืดสนิทและไฟฟ้าในเมืองก็ดับต้อนรับเรา ร้านค้าสองข้างทางต่างจุดเทียน ตะเกียง กัน

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

อ.จารึก ต้องหยุดโทรถามคณะที่ล่วงหน้ามาถึงที่พักซึ่งเราต้องปั่นฝ่าความมืดไปอีกสัก 500 เมตร ถึงที่พักซึ่งเป็นเรือนพักเล็ก ๆ เวลา 19.30 น. พอดี หลายคนในคณะยังคงนั่งทานถั่วดำต้มกะทิอยู่ บางคนก็เตรียมกางเต้นท์ (มีห้องนอนแต่บางคนขอบกางเต้นท์ใต้หลังคามากกว่า) มีอาหารเหลือให้เราทานกันได้อิ่มท้องรวมทั้งต้มถั่วดำด้วย

รูปภาพ

ในวันนี้ระยะทางปั่น 83.5 กม. ความเร็วเฉลี่ย 12.7 กม/ชม. ความเร็วสูงสุด 53.7 กม/ชม. ใช้เวลาปั่น 6.36 ชม. สภาพร่างกายผมเริ่มจะรู้สึกแย่ลงคงเพราะเจอทั้งแดดทั้งฝนมีอาการไอมากขึ้น ก่อนเข้านอน อ.จารึก บอกว่าพักผ่อนให้สบายพรุ่งนี้ไม่ต้องตื่นเช้ามากเพราะปั่นเพียง 60 กว่า กม. และทางค่อนข้างราบ

สภาพภายในห้องนอนค่อนข้างจะสกปรกและอุดอู้ผมนอนกับคุณตู่ ส่วน อ.จารึก ออกไปกางเต้นท์นอนใต้ชายคาข้างห้องน้ำรวม คืนนั้นผมรู้สึกจับไข้ และหนาวมากต้องเอาเสื้อปั่นจักรยานแขนยาวมาใส่ทับเสื้อคอกลมอีกชั้น จึงต้องทานยาพาราไปอีก 2 เม็ด ผมไอตลอดทั้งคืน :cry: :cry:

เมืองแบง-เมืองไซ-เมืองอุดมไซย

เช้าวันรุ่งขึ้นวันที่ 10 มิ.ย.54 ผมตื่นมาประมาณ 7.00 น. รู้สึกว่ายังมีไข้อยู่ ครั่นเนื้อครั่นตัว และซึม ๆ สักครู่คุณตู่ก็ตื่นตาม หลังจากจัดการธุระส่วนตัวแล้วก็ออกมาพบกับคณะซึ่งหลายคนเป็นกองหน้าปั่นไปแล้ว คงเหลือแต่ผู้เฒ่าไม้ค้ำตะวัน 3 คน คือ อ.ชอบ พี่ไพศาล และเฮียหมง เลยมีโอกาสถ่ายรูปกันไว้ เรา 3 คนยังคงเก็บของกันสบาย ๆ ไม่รีบร้อน

รูปภาพ

ประมาณ 9.50 น. เราปั่นออกจากที่พักมีป้ายบอกว่าอีก 58 กม. ถึงเมืองไซ ... แต่เราต้องปั่นย้อนกลับไปที่ตลาดเพื่อหาอะไรใส่ท้องก่อน..พร้อมทั้งเตรียมเสบียงทั้งวัน เนื่องจากเวลาค่อนข้างสายหาของกินยาก... แต่ยังดีที่มีร้านขายอยู่อีก 2-3 ร้าน มีปลาดุกย่าง ปลานิลย่าง ตับควายย่าง และตำแตง คือเอาแตงกวาลูกใหญ่ ๆ มาสับแบบสับมะละกอทำส้มตำและตำพอแหลกใส่เครื่องปรุง พริก หอมกระเทียม ตามสูตร... เราสั่งปลาดุกย่าง ตับควายย่าง ตำแตง และข้าวเหนียวมาทานกัน.... จากนั้นก็เอาปลาดุกย่างและข้าวเหนียวไปเป็นเสบียง
รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

เราออกจากตลาดประมาณเกือบ 11 โมงแล้ว แดดร้อนมากและอากาศอบอ้าวอีกตามเคย สภาพสองข้างทางเป็นที่ราบสลับเนิน เป็นพื้นที่เกษตรกรรม ปลูกพืชจำพวก ข้าวโพด ข้าวเหนียว และกล้วยเป็นส่วนใหญ่ เมื่อปั่นมาได้ราวหนึ่งชั่วโมงก็หยุดซื้อข้าวโพดต้มกับบักหำน้อยข้างทาง ปั่นต่อมาอีกจนเกือบบ่ายโมงก็หยุดพักใต้เงาไม้ข้างทาง ต้มกาแฟทาน ผมรู้สึกว่าร่างกายยังเพลียๆจากอาการไข้ จึงของีบพักนึง ... :lol: :lol:

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

หลังจากปั่นมาได้อีกพักนึงก็พบทำเลที่เหมาะแก่การพักทานมื้อกลางวันเป็น โรงเรียนร้างเพราะเป็นช่วงปิดเทอมป้ายโรงเรียนถูกปลดไปเก็บไว้ในห้องเรียน... อ่านมั่วๆได้ความว่า โรงเรียนประถมศึกษาบ้านโพนสะอาดเราแวะเข้าไปพักอีก อ.จารึกได้ติดไฟต้มอาหารมื้อกลางวันทาน มีเด็กน้อยเดินเข้ามานั่งดูเราไม่พูดไม่จาอะไร คุณตู่เอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้ไปหนึ่งซอง เด็กน้อยก็ฉีกซองนั่งกินอยู่ใกล้ๆเรา พยายามพูดจาด้วยก็ไม่พูดอะไรแถมทำหน้างงๆ ซึ่งเราคิดว่าไม่เข้าใจภาษาไทย

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

เมื่อพวกเราทานเสร็จต่างคนก็หามุมสงบงีบกัน ผมตื่นมาก่อนเลยจัดการล้างหม้อ ช้อน จาน ชาม แต่ความที่ไม่ค่อยมีน้ำเลยล้างแบบประหยัด เจ้าเด็กน้อยก็วิ่งหายไปที่บ่อน้ำของโรงเรียนสักพักก็เอาน้ำใส่ขวดมาให้ ก็ยังดีรู้จักช่วยเหลือไปๆมาๆจึงรู้ว่าเป็นเด็กใบ้พูดไม่ได้ น่าสงสารครับ :oops: :oops:
รูปภาพ

เราปั่นผ่านหลักกิโล ที่บอกว่าอีก 14 กม.จะถึงเมืองไซเมื่อเวลา 17.20 น....ชาวบ้านเริ่มกิจกรรมยามเย็นคือเดินไปอาบน้ำตามห้วยกันเป็นกลุ่มๆ
เมื่อถึงเมืองไซซึ่งเป็นเมืองเล็กๆไม่เห็นมีอะไรเลยมีแต่สามแยกซึ่งน่าจะเรียกว่าแยกห้วยลิง ขวามือจะเลี้ยวไปปากมอง,หลวงพระบาง ซึ่งเราต้องไปพรุ่งนี้
แต่อ.จารึกให้ตรงไปทางอุดมไซย อีก 6 กม. เพื่อพักที่นั่น

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

เมืองอุดมไซย เป็นเมืองใหญ่เป็นเมืองท่าศูนย์รวมการขนส่งสินค้าสู่ภาคต่างๆของลาว... เมื่อเรามาถึงตลาดเจอแม่ค้าลาวขายโรตีอยู่ข้างทางเลยแวะทาน ด้วยความหิวโซได้โรตีคนละแผ่น ใส่ไข่ ใส่นม ใส่น้ำตาล เยอะๆ ช่วยให้พวกเราสดชื่นขึ้น แล้วจึงปั่นต่อเข้าเมืองตามหาพรรคพวกกองหน้า..

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

ในที่สุด 18.35 น.เราก็เจอ พี่เสือดอนดี พี่มานะและพี่สมชาย นั่งทานอาหารอยู่... พี่เสือดอนดีได้ชี้ให้เราดูที่พักชื่อ เรือนพักฤทธิวิชัย เป็นตึกอยู่ริมถนน และบอกว่า อ.ชอบ พี่ไพศาล เฮียหมง และพี่สิงขร ไปทานอยู่ที่ร้านในซอยตรงข้าม ซึ่ง อ.จารึกจำได้ว่า เป็นร้านอาหารกันยา ของชาวเวียดนาม ซึ่งเคยมาทานเมื่อหลายปีก่อน ไปถึงก็เจอกลุ่มผู้เฒ่าไม้ค้ำตะวันนั่งอยู่

รูปภาพ


พวกเราสั่งอาหารมาทานโดยสั่งกับข้าวสี่อย่างและข้าวเปล่า เมื่ออาหารถูกยกมาแทบลมใส่เลยครับ แต่ละจานใหญ่และเยอะมาก อ.จารึกบอกว่ากระเป๋าฉีกแน่มื้อนี้ เมื่อทานเสร็จอาหารที่เหลือก็ให้เด็กใส่ถุงให้ ตอนคิดเงินก็ต้องตกใจอีกครั้งเพราะถูกมาก ค่าอาหาร 430 บาท เฉลี่ยคนละ 143.33 บาท เท่านั้นเอง และอาหาร ที่ใส่ถุงกลับไปพวกเรายังทานได้อีก 2 มื้อในวันรุ่งขึ้น

วันนี้เป็นวันแรกที่พวกเราสามารถติดต่อกลับเมืองไทยได้เพราะทางโรงแรมมีอินเตอร์เน็ทให้บริการชั่วโมงละ 20 บาท แต่ด้วยคารมสาลิกาลิ้นทองของ อ .จารึก สาวลาวชื่อน้อยลูกสาวเจ้าของเรือนพักจึงให้ใช้ฟรี ..สุดยอดครับ :lol: :lol:

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

ระยะทางปั่นวันนี้ 65.76 กม.ความเร็วเฉลี่ย13.4 กม/ชม.ความเร็วสูงสุด 52.9 กม/ชม. ใช้เวลาปั่น 4.53 ชม. ผมปั่นมาสี่วันแล้วความจริงสภาพร่างกายก็ยังไม่หนักหนาอะไรหรอกแต่เจ้าอาการไข้หวัดนี่ซิยิ่งวันยิ่งอาการหนักขึ้นทุกที ไอมากขึ้น ก่อนนอนก็ต้องทานพาราไปอีก 2 เม็ด :cry: :cry:

:P กรุณาติดตามต่อตอนสองนะครับ :P
แก้ไขล่าสุดโดย นู๋เล็ก เมื่อ 03 ก.ค. 2012, 13:45, แก้ไขแล้ว 6 ครั้ง
:arrow: คนเกษียณ..เขียนให้อ่าน.....สว.มือใหม่หัวใจบอลลูน..
http://thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=53&t=322520

:arrow:คนเกษียณ....เขียนให้อ่าน (2) ... ซ้อมปั่นเขาเขียว....เดี๋ยวเดียวก็ถึง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 6&t=344145
รูปประจำตัวสมาชิก
kobfujar
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 3594
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ม.ค. 2011, 11:41
Bike: Bridgestone DiamondRock ชมพู-ดำ(เก่าๆ)
ตำแหน่ง: ถ.ประชาชื่น ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี

Re: คนเกษียณ..เรียนลัด ......ทุ่งช้าง-หลวงพระบาง…บันทึกการเดินทางสู่ฝันที่ไม่ไกลเกินเอื้อม

โพสต์ โดย kobfujar »

มาตามติดขอบล้อด้วยคนครับ.. :D
ตามมาทุกตอน..
เสือบุฤาษี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2010, 15:02
team: ชมรมจักรยานอำเภอสังขะ
Bike: specialized

Re: คนเกษียณ..เรียนลัด ......ทุ่งช้าง-หลวงพระบาง…บันทึกการเดินทางสู่ฝันที่ไม่ไกลเกินเอื้อม

โพสต์ โดย เสือบุฤาษี »

:mrgreen: แวะมารับประสบการณ์ดีๆด้วยคนครับ :mrgreen:
รูปประจำตัวสมาชิก
ผึ้งน้อยพเนจร
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 146
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 มี.ค. 2011, 12:25
Tel: 0895112000 Hutch
team: "Broken ass"
Bike: Mosso 676
ตำแหน่ง: หนองแขม กรุงเทพฯ

Re: คนเกษียณ..เรียนลัด ......ทุ่งช้าง-หลวงพระบาง…บันทึกการเดินทาง...สู่ฝัน

โพสต์ โดย ผึ้งน้อยพเนจร »

สวดดดยอดดด ยังกะปั่นตามไปด้วยเลยอะเอียดทุกเม็ดเลยครับ ทางมันก็ :o ชันจนน่ากลัวทั้งขึ้นทั้งลงเลยนะครับ
เพราะโลกยังกว้าง ทางยังไกล (โจ๋ย บางจาค ส่องโลก)
http://www.facebook.com/GRANDsLeather
https://www.facebook.com/Apichit.Gallery
เครื่องหนังทำมือ
รูปประจำตัวสมาชิก
kobfujar
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 3594
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ม.ค. 2011, 11:41
Bike: Bridgestone DiamondRock ชมพู-ดำ(เก่าๆ)
ตำแหน่ง: ถ.ประชาชื่น ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี

Re: คนเกษียณ..เรียนลัด ......ทุ่งช้าง-หลวงพระบาง…บันทึกการเดินทาง...สู่ฝัน

โพสต์ โดย kobfujar »

เพิ่งอ่านจบ ตอนแรก เป็นการเดินทางที่ไม่รีบร้อนจริงๆเลยครับ ออกเดินทางกันสายๆทุกวัน
เป็นผมก็ไม่ชอบรีบร้อนครับ เรื่อยๆ....
ที่ผ่านมา...ชอบที่จะตื่น 6 โมงเช้า..ออกเดินทางประมาณ 8 โมงเช้า


แต่ถ้าไปลาว สงสัยต้องตื่นเร็วขึ้น และ ออกเร็วขึ้นหน่อย
เพราะผมเคยไปลาวมา 2-3 ครั้ง และ ชอบที่จะตื่นแต่เช้ามืด ออกมาเดินตลาดเพื่อดูวิถีชีวิตที่นั่นครับ พร้อมๆกับหาอาหารเช้าและกลางวันไปในตัว :D
อีกทั้งตอนเย็นก็ชอบที่จะเดินตลาดเย็นอีกด้วย...
แก้ไขล่าสุดโดย kobfujar เมื่อ 21 ก.ค. 2011, 17:16, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
lotus
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4620
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 03:57
team: รวมมิตร
Bike: Wheeler Ti, CSK หมอบ
ติดต่อ:

Re: คนเกษียณ..เรียนลัด ......ทุ่งช้าง-หลวงพระบาง…บันทึกการเดินทาง...สู่ฝัน

โพสต์ โดย lotus »

ผมเป็นคนชอบตื่นแต่เช้า ทานแต่เช้า ปั่นแต่เช้า แล้วนอนกลางวัน 1 ชม ครับ ออกสาย แดดร้อนครับ และไม่อยากถึงที่พักมืด แก่แล้วตาไม่ดี ไม่ชอบปั่นในความมืด
รูปประจำตัวสมาชิก
เสือดอนโพธิ์
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 5462
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 06:28
Tel: 081-8011920
team: ฅน....ครยก บ้านนา..ทีม
Bike: klein Specialized Roubaix sl2 trek2300 Giant tcr advanced sl isp
ตำแหน่ง: บ้านนา นครนายก

Re: คนเกษียณ..เรียนลัด ......ทุ่งช้าง-หลวงพระบาง…บันทึกการเดินทาง...สู่ฝัน

โพสต์ โดย เสือดอนโพธิ์ »

ติดตามกระทู้อย่างใกล้ชิดครับ พี่นู๋เล็กสรุปทริปได้สุดยอดมากครับ เนื้อหาละเอียดเหมือนเดิมและเก็บภาพได้มุมสวยๆทั้งนั้นเลย แต่บางครั้งลงรูปซัก3-4 รูปพร้อมข้อความแล้วส่งข้อความซักทีก็ดีนะครับ ลงเยอะๆแล้วบางทีเวปแฮงค์หรือไฟดับจะเสียเวลาต้องมาลงใหม่ เวลาเพื่อนๆมาเปิดกระทู้ดูแต่ละหน้าจะไม่เสียเวลามากนักในการโหลดรูป :mrgreen:
ชีวิต......
ยังมีความสุขในแบบที่เราไม่เคยรู้จักอีกเยอะแยะ
รูปประจำตัวสมาชิก
++เสือเล็ก++
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 7028
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 มิ.ย. 2009, 20:52
team: ทีมที่สังกัด ทุกทีม
Bike: BIANCHI MERIDA

Re: คนเกษียณ..เรียนลัด ......ทุ่งช้าง-หลวงพระบาง…บันทึกการเดินทาง...สู่ฝัน

โพสต์ โดย ++เสือเล็ก++ »

มาตอกเสาเข็มตามเสือดอนโพธิ์...รอชมด้วยครับ...รายละเอียดและภาพสวยสดมาก......สำหรับผมชอบปั่นทั้งวัน... :D :D :D :D :D :D :D
ปั่นไป...เหนื่อยพัก...หิวกิน...ง่วงก็นอน...แล้วปั่นกันต่อ....
ครูชิต
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 11248
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ส.ค. 2008, 08:57
Tel: 08-1340-760x
team: ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพปราจีนบุรี
Bike: Trek elit 8.9 ปี 2012 Infinite spad ปี2016 หมอบคาร์บอน CUBE
ตำแหน่ง: วิทยาลัยเทคนิคปราจีนบุรี
ติดต่อ:

Re: คนเกษียณ..เรียนลัด ......ทุ่งช้าง-หลวงพระบาง…บันทึกการเดินทาง...สู่ฝัน

โพสต์ โดย ครูชิต »

ติดตามมาชื่นชมเหมือนเดิม น่าอ่านมาก :mrgreen: แต่พี่โพสต์ยาวอีกแล้ว ไม่แบ่งหลายๆโพสต์ :lol:
การขี่จักรยานเสือภูเขาเป็นการหลุดพ้น หลีกหนีจากการ จำเจ วุ่นวาย
Riding mountain bikes is disengagement. Routinely escape from the tempest.
รูปประจำตัวสมาชิก
เสี่ยวภูธร
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4273
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 15:46
Tel: 0847-9505-20
team: พังโคนทีม
Bike: CHALLENGER
ติดต่อ:

Re: คนเกษียณ..เรียนลัด ......ทุ่งช้าง-หลวงพระบาง…บันทึกการเดินทาง...สู่ฝัน

โพสต์ โดย เสี่ยวภูธร »

สวัสดีครับ ลุงๆทุกท่านสุดยอดจริงๆ ตามอ่านอยู่ครับ
ลงระเอียดแบบนี้ ทำให้อยากไปบ้างแล้ว
เสือห้าภาค ปั่นทั่วทิศ มิตรทั่วไทย
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... start=5730
รูปประจำตัวสมาชิก
SENG9
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 2308
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ต.ค. 2008, 20:44
Tel: 0859225888
team: O2 MAX ขาโหด
Bike: Conago C50 Connondale slice trek8500 KHS team พับน้อง DA

Re: คนเกษียณ..เรียนลัด ......ทุ่งช้าง-หลวงพระบาง…บันทึกการเดินทาง...สู่ฝัน

โพสต์ โดย SENG9 »

ทริปหน้าเกาะล้อไปด้วย สุดยอด ในรายละเอียด...ช๊อบ ชอบ
รูปประจำตัวสมาชิก
Ratkorn Kulbul
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1074
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 15:49
Tel: 0896485466
team: ชมรมจักรยานจังหวัดตรัง,สมาคมจักรยานเพื่อสุขภาพไทย
Bike: TREK
ตำแหน่ง: 153 ถ.พระราม 6 อ.เมือง จ.ตรัง 92000
ติดต่อ:

Re: คนเกษียณ..เรียนลัด ......ทุ่งช้าง-หลวงพระบาง…บันทึกการเดินทาง...สู่ฝัน

โพสต์ โดย Ratkorn Kulbul »

สุดยอดทุกท่านเลยครับ ทำอย่างไรจะได้ไปบ้างนะ เมืองลาว สวัสดีครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
rak monthon2
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 13925
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 เม.ย. 2009, 14:31
Tel: โทร โทรโทร ไม่ติดอย่าโทร
team: กินลมชมวิว
Bike: รถถีบมือสอง
ตำแหน่ง: ใต้ฟ้าเดียวกัน

Re: คนเกษียณ..เรียนลัด ......ทุ่งช้าง-หลวงพระบาง…บันทึกการเดินทาง...สู่ฝัน

โพสต์ โดย rak monthon2 »

ขอบคุณครับ...ทัวร์ริ่ง อีกหนึ่งฝันที่ยังไม่เคยได้ลอง
ความพอดีอยู่ตรงไหน : หากเรารู้จักคำว่าพอ มันก็จะเป็นสิ่งที่ดี
************************************************************
มีคนกล่าวไว้ว่า หากท่าน วิ่งได้ไม่เร็วเท่ากับกระต่าย ก็ขอให้ท่าน จงขยันเดินให้ได้อย่างเต่า
รูปประจำตัวสมาชิก
พิงธรรม์
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 3440
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 13:35
Tel: 08-7938-2688
team: สถาบันการปั่นท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ
Bike: ทัวริ่ง Trek 470
ตำแหน่ง: 181 ซอยพระรามเก้า 41 ถนนเสรีเก้า เขตสวนหลวง แขวงสวนหลวง กรุงเทพ 10250
ติดต่อ:

Re: คนเกษียณ..เรียนลัด ......ทุ่งช้าง-หลวงพระบาง…บันทึกการเดินทาง...สู่ฝัน

โพสต์ โดย พิงธรรม์ »

ตามมาดูรูปหล่อๆของผม เอ๊ยยย...ไม่ช่าย...เผลอไปครับ ;) ;)

แหะ...แหะ...

ติดตามมาอ่านเรื่องปั่นของคุณ"นู๋เล็ก"ครับ แบบว่า...มันจะมีอะไร"จิก"ผมบ้างเอ๊อะปล่าววว :lol: :lol: :lol:

ทั้งขออนุญาตโฆษณา ท่านใดพอมีเวลาปั่น ปั่นทริปคนเกษียณ ๖๕ วันรอบที่สอง เส้นทางปั่นใช้เส้นเดิม รายละเอียดวันปั่นโดยแยกแยะแจกแจง คงจะทำเสร็จ...เอามาตั้งโพสชวนปั่นได้ซักสัปดาห์หน้าครับ

แหะ...แหะ... :? :? หัวเราะแหยแบบแอบทำ...ขอมาอาศัยโฆษณาทริปปั่นยาว ๒ เดือนเสียด้วยเลย

ขอบคุณครับ

จารึก หลังสวน


Touring in Style...by Jaruek
ประวัติคนเกษียณชวนปั่นประเพณีปีละครั้ง ฉบับย่อ

http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... &start=885
Yuthana
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 531
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ม.ค. 2010, 21:13
Tel: 081-919-4971
team: กลุ่มรวมมิตร,กลุ่ม๖๐
Bike: Kona,Cannondale,SOMA-SAGA
ตำแหน่ง: เสนานิคม ๑ แขวง/เขต ลาดพร้าว
ติดต่อ:

Re: คนเกษียณ..เรียนลัด ......ทุ่งช้าง-หลวงพระบาง…บันทึกการเดินทาง...สู่ฝัน

โพสต์ โดย Yuthana »

สวัสดีทุกท่านครับ.. เข้ามาติดตามชม สุดยอดครับคุณนู่เล็ก
ตอบกลับ

กลับไปยัง “สรุปทริป / รายงานการปั่น”