ซำเหนือ ชื่อนี้อยากไปหาดินแดนแห่งขุนเขา

รายงาน/รูป "สรุปทริป" จากที่ได้ปั่นมา
รูปประจำตัวสมาชิก
เอส-เมอร์ริด้า
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 10766
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 12:41
Tel: 087-818-9071
team: Bike Joy/ทีมล้างตา/ทีมอกาลิโก
Bike: MERIDA Karahari 510, rocky moutain,แหม่ม Brompton
ติดต่อ:

ซำเหนือ ชื่อนี้อยากไปหาดินแดนแห่งขุนเขา

โพสต์ โดย เอส-เมอร์ริด้า »

รูปภาพ

ขึ้นชื่อเมืองลาว ดินแดนแห่งทะเลภูเขา ความสูงชันที่พบได้ตลอดทั้งวัน เล่นอิ่มจนเบื่อภูเขากันไปเลย

ซำเหนือ ชื่อนี้ได้ยินมานานแล้ว แต่ไม่ได้ไปหาซักที ผ่านไปหลายปี เกือบจะ 10 ปี ที่ผมยังไม่เริ่มต้นเดินทาง ไปเมื่อไรก็ได้ เมื่อมันอยู่ตรงนั้น ไม่หนีไปไหน

บอกล่วงหน้ากันกับเพื่อนๆ ที่เป็นสมาชิกเหนียวแน่น ว่าปีหน้าต้องไปซำเหนือให้ได้

กำหนดการวางไว้มากกว่า 9 วัน จนคิดว่าต้องเก็บเส้นทางให้หมดต้องใช้เวลาเกือบ 2 อาทิตย์กันเลย เพราะเส้นทางภูเขาที่มากมาย และความไกลกินระยะทางเกือบ 1000 กม. ถ้ากำหนดตามแผนการเดินทางที่วางไว้แต่แรก

ใครชอบปั่นขึ้นเขาสูงชัน ยาวๆ หลายๆ ลูกต้องชอบมากๆ ผมเองก็ด้วยคนหนึ่ง แต่ก็ไม่ถึงกับเก่งกาจมากนัก แต่พอจะเอาตัวรอดได้ ในการวางเส้นทางได้สอบถามคนพื้นที่ ความคิดเห็น ช่วยเสนอแนะ ความเสี่ยง อันตรายที่จะเกิดขึ้นระหว่างทาง

ก่อนหน้าที่ผมได้เดินทาง ก็จะมีสมาชิกนักปั่นมากมายได้ไปถึงซำเหนือกันแล้ว ตัวเองก็อยากไปให้ได้กับความฝันที่มีอยู่

จุดเริ่มของการเดินทางเริ่มตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2562 เมื่อต้นปีที่ผ่านมาไม่นาน อยากจะให้เพื่อนๆ ได้ติดตามการเดินทางไปพร้อมๆ กันจากนี้ไป

ความพร้อมของตัวเอง ได้ไปซ้อมบ้างที่อุบลฯ ปั่นเลียบโขงล่วงหน้าก่อนสองอาทิตย์ เพื่อจะได้ประเมินตัวเองว่าระดับไหน และมีข้อแก้ไขอะไรบ้าง แน่นอนย่อมได้รับบทเรียนมาปรับปรุงเรื่องการปั่นหนักเกินไป จนพาตัวเองไม่ไหวในวันต่อมา การขนสัมภาระที่เตรียมพร้อมกับการเข็นให้เบาที่สุด ได้รับการเตือนจากเพื่อนร่วมทริปครั้งนี้ คือเด่น

ทุกๆ ครั้งที่ออกทริป สิ่งจำเป็นเราต้องมาเช็คลิสต์เป็นข้อๆ การจัดกระเป๋าเกือบสอง สามรอบ เพื่อตัดสินใจว่าจะเอาไปหรือไม่เอาไปดี บางอย่างพอนำไป ก็ไม่ค่อยได้ใช้ บางอย่างจำเป็นต้องใช้ก็เอาไปน้อย อย่างนี้มีทุกทริป

เย็นวันศุกร์ออกเดินทางจากบ้าน รถทัวร์ลงหนองคาย เที่ยว First Class VIP 30 ที่นั่ง จองล่วงหน้าเกือบสองอาทิตย์ เลือกที่นั่งเดี่ยวๆ นั่งสบายๆ แต่ก็ไม่ได้หลับสบาย เพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยอยากจะนอนบนรถทัวร์เท่าไร

ปั่นออกจากบ้าน ก็มุ่งหน้าสู่สถานีขนส่งนครชัยแอร์ ที่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ปั่น 30 นาทีก็มาถึงปากทางเข้า ผมปั่นเลาะถนนแล้วก็เลี้ยวตัดเข้าสถานทีขนส่งทันที ได้ยินเสียงตะโกนมาจากด้านหลังว่า

"เข้าไม่ได้ ปั่นเข้าไปไม่ได้ ให้ไปเข้าด้านข้างๆ นี่รถทัวร์ผ่านเข้าออกตลอด" เจ้าหน้าที่ทำหน้าขมึงตึงเชียว

จากนั้นก็จูงจักรยานเข้ามาเลียบข้างๆ มีร้านกาแฟสด และห้องน้า พ้นไปก็ประตูเข้าไปยังห้องพักผู้โดยสาร ที่แน่นขนัดไปหมด มองดูเวลาเที่ยวรถออก 20.00 น. ชอบเป็นคนมาก่อนเวลาเยอะ อีกตั้งชม. กว่าๆ นั่งทำอะไรดีว่ะ

บางทีการรอเวลา ก็เพื่อได้เตรียมพร้อม ไม่เร่งฉุกละหุกเกินไป นั่งกดโทรศัพท์เล่น ที่ผมชาร์ทมาเต็มทั้ง iPhone , Sumsung และเครื่องแม๊คบุ๊ก พร้อมเพาเวอร์แบ็งอีกเต็ม 100%

ผมเผื่อต้องมาทำงานซะด้วยครับ ในการออกรางวัลงวดวันที่ 17 มกราคม 2562 ที่ยังอยู่ในระหว่างทริป เรียกว่าไม่เอามาจะกังวลมากกว่า ยอมแบกเพื่อความสบายใจ เอากันอย่างนั้น

นั่งเล่นเพลินๆ แป๊ปเดียวก็ได้เวลาเดินทาง เข็นจักรยาน ไปยังช่องเดินรถที่ 15 ถอดล้อหน้า และกระเป๋าทั้ง 5 ใบ และมัดเต็นท์ ถุงนอน และแผ่นรองนอนเข้าไว้ด้วยกัน รวม 6 ชิ้น และรีบเอาไปเข้าใต้ท้องรถให้เรียบร้อย

ได้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ เรียบร้อย นั่งฟังเพลง และเล่นเฟสบุ๊กไปพลาง จนเกือบเที่ยงคืนก็ยังไม่ได้อยากจะนอนซักเท่าไร ผมเดินทางคนเดียวก่อนครับ
คติประจำใจ : ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
รูปประจำตัวสมาชิก
เอส-เมอร์ริด้า
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 10766
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 12:41
Tel: 087-818-9071
team: Bike Joy/ทีมล้างตา/ทีมอกาลิโก
Bike: MERIDA Karahari 510, rocky moutain,แหม่ม Brompton
ติดต่อ:

Re: ซำเหนือ ชื่อนี้อยากไปหาดินแดนแห่งขุนเขา

โพสต์ โดย เอส-เมอร์ริด้า »

รูปภาพ

"วันแรกของทริป"

หลับหรือเปล่าไม่รู้นะ แต่ก็รู้สึกตัวอยู่หลายรอบ แอร์เปิดหนาวอยู่ในผ้าห่มที่มีมาให้ ไม่ค่อยได้ช่วย มองไปหน้าปัดบอกว่า 19 องศา เปิดซะปานนั้น จนต้องคว้าเสื้อกันหนาวมาอีกตัว

มองนอกหน้าต่างออกไป ใจคิดกังวลบ้างหรือไม่ บางทีก็ไม่รู้ตัวหรอก จนเวลาตีห้าตื่นมาเข้าสู่เมืองอุดรฯ แล้วหรือ อีกชม. ก็น่าจะถึงหนองคาย เวลาตรงเป๊ะ แอร์โฮสเตสสาวสวย หุ่นดี พูดสำเนียงเพราะจับใจ ทำให้ผมกระชุ่มกระชวยตื่นนอนจากเบาะเอนทีเดียว

สอบถามว่าผมจะลงที่ด่านหนองคายหรือป่าว ...

"ใช่ครับ" พูดแบบเขินๆ สายตาผมเกิดความเหงาขึ้นทันควัน รถทัวร์เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปยังด่าน

รีบตรวจสอบของนำติดตัว และยื่นใบแสดงจำนวนสัมภาระ ที่นี่เคร่งมากต้องแสดงให้ครบ นำมาประกอบและปั่นไปยังหน้าด่านที่พี่แม๊คมาคอยนานแล้ว

"สวัสดีครับพี่แม๊ค" กล่าวทักทาย แบบมือยังกำแฮนด์อยู่เลย

ผมรีบเข้าไปแสดงพาสปอร์ตก่อน เพราะช่วงนี้ยังไม่ค่อยมีคนเท่าไร จากนั้นก็ล้างหน้าล้างตา ก่อนจะปั่นข้ามสะพานมิตรภาพไทย ลาวแห่งแรกของไทย อากาศเริ่มหนาวบ้างแล้ว

ผมบอกพี่แม๊คว่าพี่วี และพี่คำไดไปงานแต่งฝั่งไทย คงไม่ได้เจอกันเช้านี้ เราต้องปั่นไปให้ถึงท่ารถสายเหนือกันเองนะครับ

"ไม่เป็นปัญหา เราค่อยๆ ปั่นกันไปเรื่อยๆ สบายๆ" พี่แม๊คดูชิลๆ

ข้ามถึงด่านฝั่งลาว เหมือนจะมีผู้คนหนาแน่น ต่อคิวกันยาว แต่พี่แม๊คมาบ่อย ให้มาช่องด้านข้างๆ จะไม่ค่อยมีคนมาต่อแถว และก็รวดเร็วเรียบร้อย

เจ้าหน้าที่ลาวบอกว่ามีนักปั่นจากไทยมากันสองคน ผมรู้แล้วว่าคือ เด่น กับลุงจุก ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว

ผมและพี่แม๊ค เริ่มปั่นออกจากด่านลาว เข้าสู่เวียงจันทร์ แวะซื้อซิมเน็ตทันที่ร้านปั๊มใหญ่ ก่อนเข้าเมืองเวียงจันทร์ การปั่นของผมก็ไม่ได้รีบร้อน ทำเวลาได้ดี เข้าเมืองแวะบ้านพี่คำได นำแก๊สไปฝากไว้สามกระป๋อง มันเยอะไป

จากนั้นปั่นเลาะเลียบโขง เป็นทางหลักที่เรามุ่งหน้าสู่ถนนสายหลักขึ้นไปยังท่ารถสายเหนือกัน แต่ก็ไม่วายหลงกันจนได้ ผมจำทางตัดถนนไม่ได้ แต่ก็เส้นทางไม่ได้ยากนัก สอบถามชาวบ้านเค้าก็บอกไปผิดทาง ก็ต้องย้อนกลับไปใหม่

จนมาเจอทางแบบมีหลุม ตามไหล่ทางบ้าง ปั่นไปจนถึงท่ารถไม่เกิน 10 โมงเช้า จองตั๋วทันที เป็นรถมินิบัสเล็ก แต่คล่องตัวกว่ารถโดยสารคันใหญ่ นำจักรยานขึ้นไปไว้บนหลังคา ราคารวม 210000 กีบ รวมค่าระวางจักรยานเรียบร้อย

ผมเหลือบมองไปยังหลังคาพบว่ามีจักรยานสามล้อ ตกใจนิดหน่อยว่าใช่นักปั่นที่เคยคุยว่าอยากจะมากับผมหรือป่าวนะ

จนมาเจอตัวจริงของนักปั่น เป็นชาวจีน ท่าทางแกก็แปลกๆ ดีนะ ดูตลก และชอบมองผมตลอด เหมือนว่าจะคุยกันรู้เรื่องป่าวว่ะ ผมได้แต่ยิ้ม เลยส่งภาคซาวแทรกเข้าไป

"Where you go by bycicle?" ผมถามไปก่อน

"I come back to Chaina pass Boten Border Pass"

จากนั้นเค้าก็เว้าภาษาเค้าทันที ???? อ้าวแล้วตรูจะรู้เรื่องป่าววเนี่ย

ผมกับพี่แม๊คหาทางแลกเงินกีบกันก่อน ที่ท่ารถมีบริการแลกเงินไม่เสียเปรียบ เค้าคิดราคาตามอัตราแลกเปลี่ยน ผมแลกไปก่อน 7000 บาท พี่แม๊คแลกไป 5000 บาท

ผมบอกว่าค่อยไปแลกเพิ่มที่หลวงพระบางก็ได้ มีให้แลกเยอะ เราไม่ได้ทานข้าวร้านค้าปิดหมดแล้ว เลยซื้อซาลาเปาเหมาหมดเลยจากร้านคนเวียต พร้อมเดินทางมุ่งหน้าสู่หลวงพระบางกันแล้ว

การเดินทางต่อเนื่องกว่าจะถึงหลวงพระบางตีไว้ซัก 3-4 ทุ่มของวันนี้ ผมก็นั่งฟังเพลงไปเรื่อยๆ มองข้างทางไป ผ่านชุมชมหนาแน่นไปตลอดก่อนถึงโพนโฮ่ง ร้านค้า ตลาดมากมาย แต่สิ่งที่เจอคือหลุมของการพังของถนนตลอดเส้นทางที่รถต้องพยายามหาทางหลบหลีกได้อย่างคล่องแคล้วมากๆ เรียกว่าแซงรถทุกคันที่นำหน้า

การเดินทางวันนี้ ขอตัวช่วยไปก่อนนะครับ
คติประจำใจ : ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
รูปประจำตัวสมาชิก
kok_2
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4742
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ธ.ค. 2009, 11:42
Tel: 081-735836x
team: Weekend BikeClub
Bike: Cromoly,SCOTT,Louis Garneau,Ritchey

Re: ซำเหนือ ชื่อนี้อยากไปหาดินแดนแห่งขุนเขา

โพสต์ โดย kok_2 »

ตามมาดูทริปของปีนี้ กะรูปสวยๆครับ :D
MY OWN WAY !
MY OWN LIFE !
THERE WAS ONLY WAY WHICH WAS MY WAY
รูปประจำตัวสมาชิก
เอส-เมอร์ริด้า
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 10766
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 12:41
Tel: 087-818-9071
team: Bike Joy/ทีมล้างตา/ทีมอกาลิโก
Bike: MERIDA Karahari 510, rocky moutain,แหม่ม Brompton
ติดต่อ:

Re: ซำเหนือ ชื่อนี้อยากไปหาดินแดนแห่งขุนเขา

โพสต์ โดย เอส-เมอร์ริด้า »

รูปภาพ

"เส้นทางถนนพระจันทร์"

รถวิ่งผ่านหินเหิบ ขึ้นเขาลูกแรกที่ได้เจอ เป็นเขาสั้นๆ ความชันก็ไม่เท่าไร แต่ก็ทำให้ต้องพยายามมากๆ กว่าจะขึ้นได้ ความยากอยู่ที่รถวิ่ง ทางแคบ และไม่มีสโลปให้ได้พักขา ต้องอัดให้ถึงยอด ผมผ่านเนินลูกนี้มา 3-4 ครั้งแล้ว ผมยังคงนั่งมองผ่านหน้าต่างไปเพลินๆ ไม่ได้คิดจะหลับ รถก็หลบหลุมซ้าย ไปขวา แซงขึ้นหน้า จังหวะการหลบหลีกขั้นเทพ การขับรถที่นี่ต้องชำนาญ ไม่งั้นก็ไม่ทันเวลา ใครว่าเมืองลาวเวลาเนิบช้า

บอกเลยยกเว้นอาชีพขับรถ...เวลาเป็นเงินเป็นทองมากๆ

ระยะทางจากหินเหิบ เส้นทางพังไม่เป็นถนนเอาเสียเลย นั่งไปก็โยกไปโยกมา กว่าจะถึงวังเวียง ก็เวียนหัวไปหลายรอบ ด้านหลังมีอ๊วกด้วยว่ะ

ไอ้หนุ่มเซ็งตึ้ง เอ้าหันไปคุยกับสาวซะแล้ว เมื่อกี้เห็นจะมายิ้มหวานกับผมนี่ ก็ดีตรูก็ไม่รู้ทำตัวอย่างไร ได้แต่ยิ้มหวานตอบรับไป แฮ่ๆๆๆ บรื้อๆๆๆ

ด้านหลังของเบาะเป็นคนมีชื่อเรื่องการทำอาหาร หันมาทักทายผม ถามเรื่องการปั่นจักรยานแบบอยากรู้ ก็ว้าวภาษาลาวไปซื่อๆ เรื่อยๆ ว่าไปซำเหนือ เริ่มปั่นจากหลวงพระบางเด้อ ก็ไปหลายมื้อ(วัน) เค้าเป็นกุ๊กทำอาหารมีรายการทำอาหารทางช่องทีวีเมืองลาว อยู่ตรงผาตั้ง มีเฮือนร้านริมลำธาร น่าไปกางเต็นท์นอนมากๆ

รถวิ่งเลยมาจะถึงกาสี จอดแวะให้ทานมื้อเย็นกันก่อน ผมกับพี่แม๊กก็หิวพอดี ร้านนี้ก็อร่อยนะสำหรับผม ผัดผักสองจาน ไข่พะโล้ และหมูทอด พี่แม๊คแวะซื้อส้มมาด้วย ก่อนหน้านั้นผมก็เกิดอาการน้ำตาลต่ำมากๆ พอดี เกือบเอาไม่อยู่ดีที่มีขนมตุนไว้ ผมมักเผลอเรื่องนี้อีกแล้ว ต้องระวังให้มากๆ

ตอนนี้กระเป๋า คนเก็บตั๋วบอกว่าจะไปทางภูหลวง เพราะเส้นทางถนนพัง กว่าจะไปถึงหลวงพระบางมีเที่ยงคืน จึงบอกกับผู้โดยสารทั้งหมดว่าใครจะลงระหว่างทางไปภูคูนหรือไม่ ดันมีลงกิ่วจะจำคนหนึ่ง และอีกคนขอลงตรงนี้เลย จริงๆ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกจะไปทางไหนก็ได้ แต่เมื่อไปทางลัดและเร็วกว่าก็เป็นการดี เค้าก็ช่วยค่ารถไปต่อให้

รูปภาพ

จากนั้นรถก็เลี้ยวซ้ายผ่านกาสี และมุ่งตรงไปยังภูหลวง เส้นทางนี้ใครมาเป็นต้องชอบ เรียกว่าเป็นเส้นทางหลักแทนสาย 13 กันแล้ว แต่จุดอันตรายคือยอดภูหลวงนั้นชันมาก และใครไม่ชำนาญนี่ตกเขาไปหลายคันแล้ว เรายังเห็นซากรถกันอยู่เลย ผมเองก็เสียวก้นเหมือนกันนะ ใครอยากมาลองปั่นดูความโหด ความชันยินดีมาเลยครับ

ถนนช่วงนี้ดีมากๆ น่าจะเป็นคนเวียตได้สร้างถนนสายนี้ไว้ ไม่มีพังเลย และรถบรรทุกใหญ่จากจีนเหมามาทางนี้กันหมด เรียกว่าลัดกันกว่าทางเก่าราวๆ 3-4 ชม. ก็ถึงหลวงพระบางได้

ใจผมไม่ค่อยอยากหลับ เพราะตื่นตัวกับเส้นทางนี้ไปตลอด รถค่อยๆ ไต่ขึ้นตามความชัน 12% ยาวๆ ไปจนถึงยอดเขา มีหมอกหนามากๆ และก็เวลาเกือบทุ่มหนึ่งแล้วก็ผ่านยอดเขา พร้อมกับไหลลงเขาแต่รถคันนี้ลงเขาไม่เร็ว แตะเบรคตลอด ผมว่าอย่างนี้ทำให้คุมรถได้ดี ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆ ลงมาจนถึงหมู่บ้านนาหลวง ครั้งหนึ่งเคยได้มากางเต็นท์นอนริมน้ำแห่งนี้

รูปภาพ

ตอนขึ้นเขาผมก็ใจนั่งไม่ค่อยเป็นสุขเลย เห็นรถบรรทุกน้ำมันคว่ำอยู่ตรงหน้า ต้องรอจังหวะกันกว่าจะหลบพ้นกันได้ จากนั้นรถก็วิ่งอย่างรวดเร็วจนถึงหลวงพระบางไม่เกิน 3 ทุ่มได้ สร้างความแปลกใจให้ผมอย่างมาก เด่นยังงงว่ามากันเร็วมากๆ

การมาถึงหลวงพระบางถึงสองครั้ง ในเวลาไม่ถึงสองเดือน ก็ได้มาสัมผัสอีกครั้ง ลงจากรถก็ยกนิ้วให้คนขับที่มาถึงที่หมายได้ตรงเวลาเป๊ะ ผมกับพี่แม๊คก็จัดการเรื่องรถจักรยานกันต่อ และสัมภาระ พร้อมมุ่งหน้าไปยังเฮือนพักที่จองกันไว้ริมโขง ทั้งพี่หนึ่ง พี่จุก และเด่นคอยกันแล้ว

ผมปั่นไหลลงเนินจากท่ารถ เข้าสู่หลวงพระบาง อากาศกำลังหนาว โต้ลมให้ได้สัมผัสกันก่อน และแวะซื้อข้าวเหนียวไปทานมื้อค่ำกันด้วย เอาล่ะได้มาเจอเพื่อนๆ ครบกันทุกๆ คนแล้ว มาฉลองด้วยเบียร์ลาวเย็นๆ จากตู้แช่กันซักหน่อย
คติประจำใจ : ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
รูปประจำตัวสมาชิก
เอส-เมอร์ริด้า
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 10766
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 12:41
Tel: 087-818-9071
team: Bike Joy/ทีมล้างตา/ทีมอกาลิโก
Bike: MERIDA Karahari 510, rocky moutain,แหม่ม Brompton
ติดต่อ:

Re: ซำเหนือ ชื่อนี้อยากไปหาดินแดนแห่งขุนเขา

โพสต์ โดย เอส-เมอร์ริด้า »

รูปภาพ

"ชงกาแฟแบบไม่ง้อประชานิยม"

เด่น นำเบียร์แช่เย็นไว้รอสมาชิกมากันครบทีม ผมกับพี่แม๊คปั่นเลาะถนนเลียบโขง ผ่านตลาดมืดที่ยังมีคนเดินอยู่บ้าง ตลาดวายแล้ว มองไปข้างหน้าต่อไป ไหลเรื่อ่ยๆ จนผ่านหน้าซอยที่คาดว่าจะมีเฮือนพักที่หลบซ่อนอยู่ ซอยเล็กๆ ปั่นดันเนินมาน้อยๆ ก็มองเห็นรถจักรยานจอดอยู่ด้านใน มองแล้วว่าใช่เฮือนพักนี้ จึงเข้าไปจอดด้านใน แต่ก็เงียบอยู่พักจึงโทรเข้าไปหา

"เด่นๆๆ มาถึงแล้วนะ ออกมาหน่อย" โทรผ่านแมสเซนเจอร์เข้าไป

ซักพักเด่นก็ออกมาต้อนรับ กล่าวทักทาย แทบจะโอบกอด ไม่ได้เจอกันนาน ฮ่าๆๆ

ผมเดินเข้าไปทักทายพี่จุก และพี่หนึ่ง ซึ่งเกือบจะนอนกันแล้ว ก็ได้ออกมากล่าวทักทายด้วยกัน พี่แม๊คก็ยิ้มทักทายพี่หนึ่ง เหมือนจะบอกว่าทริปนี้ ไม่ได้บอกอะไรบ้างไปหรือป่าวนะ ว่าทริปนี้ไม่ได้โรยด้วยทางราดยางไปตลอดรอดฝั่ง

ตอนนี้พวกเราก็มาตรวจสภาพรถของแต่ละคัน บอกกันว่าพรุ่งนี้มีทางลูกรังให้ได้ลิ้มลองกันแล้ว เหมือนพี่หนึ่งจะไม่เชื่อในคำพูดนั้น

ผมคิดในใจ "พี่หนึ่งหลวมตัวมาครั้งนี้ คงกลับหลังไม่ได้แล้วล่ะ อิๆๆ"

พวกเรามานั่งกันที่โต๊ะยาวๆ มีเก้าอี้วางไว้หลายตัวพร้อมให้พวกเราได้นั่งกัน เด่นนำเบียร์มาขวด เปิดเทใส่แก้วให้ผม 1 จอก เย็นๆ แก้กระหายเหนื่อยได้ดีเยี่ยม เวลาเริ่มเงียบไร้เสียงของร้านข้างๆ ที่กลับไปกันหมดแล้ว ก็เหลือแต่เสียงพวกเราที่เฮฮากันอยู่ มีฝรั่งคู่หนึ่งมาทักทายด้วย นั่งฟังพวกเราคุยกัน คงรู้เรื่องมั่ง

หลังจากเดินทางมาเกือบวันครบ 24 ชม. จากกรุงเทพฯ จนมาถึงหลวงพระบาง เป็นเวลาที่เนิ่นนาน แต่บางทีก็รวดเร็วถ้าเราย้อนกลับไปนึกถึงมันอีกครั้ง ออกจากเพลียอยู่บ้าง

ห้องนอนที่นี่ใช้พื้นที่คุ้มค่ามากๆ ผมชอบการจัดที่นอน กับราคาที่ไม่ถึงพัน คนล่ะ 60000 กีบก็ราวๆ 250 บาทก็ไม่แพงนัก ผมยังไม่นอน ก็มานั่งคิดเส้นทางในแต่ละวัน และพรุ่งนี้เป้าหมายอยากจะนอนรีสอร์ต ริมน้ำอูซึ่งเข้าใจว่าคงยาก แต่จะลองดู และผมก็หลับไปก่อนพี่แม๊คที่คืนนี้นอนห้องเดียวกันก่อน

คงหลับสบายๆ คืนนี้เพราะไม่ค่อยได้นอนบนรถ ตื่นนอนมาก็สายแล้ว เกือบ 7 โมงเช้า ไม่ได้คิดอยากจะออกไปสัมผัสบรรยากาศเมืองหลวงพระบาง เพราะผมมาแล้วเมื่อเดือนก่อน จึงไม่ได้ไปทานกาแฟประชานิยมเท่าไรนัก และอากาศเหมือนฝนจะตก อึมครึมมากๆ ตื่นมาพี่จุกก็ลุกมาต้มกาแฟแล้ว

ผมบอกพี่แม๊คไปทานกาแฟกันก่อน นำขนมปังไปด้วย และพี่หนึ่งก็นำเสนอเครื่องบดกาแฟให้ดู พร้อมด้วยขอจุดเตาแก๊สหน้าเฮือนพักกันก่อนเลย บรรยากาศยามเช้าที่อบอุ่น

พวกเราไม่ได้บอกว่าจะเริ่มล้อหมุนเมื่อไร เอาตามสะดวก และก็ไม่ได้นำรหัสอะไรมาใช้ เช่น 4-5-6 หรือ 6-7-8 แต่รู้เหมือนว่าเกิน 9 โมงทุกทีกว่าพร้อมเดินทางแต่ละวัน

ก่อนการเดินทางได้โทรคุยกับคุณบุญประเสริฐเรื่องแผนการขึ้นภูผาทีว่าถ้าเป็นไปได้ขอทหารขึ้นจากบ้านห้วยม้าได้หรือไม่ ค่อยว่ากันอีกทีเมื่อใกล้ไปถึงเมืองเฮี้ยม

ปั่นออกจากเฮือนพัก มาทางถนนออกนอกเมือง ผ่านร้านขายมือถือกันหลายร้าน สอบถามเรื่องซิมเติมเงินอีก 50000 กีบเตรียมไว้ก่อน และซื้อยา นอกนั้นก็ไม่มีอะไร พร้อมเดินทางไปยังสะพานเก่าโบราณที่ข้ามแม่น้ำคาน ก่อนจะรอจังหวะถ่ายภาพเพื่อนๆ เอาไว้ก่อน ที่จะออกจากเมืองหลวงพระบางแห่งนี้

พวกเราไม่ได้หันหลังกลับ ที่จะได้สัมผัสเมืองหลวงพระบาง กลายเป็นเมืองแค่ทางผ่านของพวกเราในครั้งนี้ เป้าหมายข้างหน้ายังอีกยาวไกลที่มีหลายอย่างที่เราต้องพบเจอ แต่ยังเป็นเมืองที่ใครหลายๆ คนต้องมา
คติประจำใจ : ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
รูปประจำตัวสมาชิก
เอส-เมอร์ริด้า
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 10766
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 12:41
Tel: 087-818-9071
team: Bike Joy/ทีมล้างตา/ทีมอกาลิโก
Bike: MERIDA Karahari 510, rocky moutain,แหม่ม Brompton
ติดต่อ:

Re: ซำเหนือ ชื่อนี้อยากไปหาดินแดนแห่งขุนเขา

โพสต์ โดย เอส-เมอร์ริด้า »

รูปภาพ

นับเป็นครั้งแรกที่ผมได้ผ่านสะพานประวัติศาสตร์แห่งนี้ ได้มองเห็นจากข้างบนพระธาตุภูสี ความสวยงามจากมุมมองบนนั้นดูทำให้ผมอยากจะปั่นผ่านสะพานแห่งนี้ สำหรับทริปนี้ให้ได้

ตอนเช้าวันนี้ ผมกำชับเพื่อนๆ ว่าเส้นทางจะให้ไปทางไหน เลี้ยวตรงไหน แต่จริงๆ แล้วคงรู้เส้นทางกันหมดแล้วล่ะ บอกไปก่อนกันหลงไปทางอื่นๆ

ผมรอจังหวะถ่ายภาพเสร็จเรียบร้อย ก็ควบจักรยานผ่านประตูที่แบ่งแยกระหว่างเลนซ้าย เลนขวา ผู้คนสัญจรมากมาย แทบจะไม่เว้นช่องว่างระหว่างกัน มอร์ไซต์ก็ขับจี้มาเรื่อยๆ ช่องสะพานมีไม้วางอยู่แนวยาวไปตลอดสามแผ่น โชคดีที่ไม่มีแผ่นไหนชำรุด แล้วเกิดร่องระหว่างกลาง ปั่นผ่านไปได้พ้นคอสะพานอีกฟากของถนนด้านตรงข้าม ซึ่งก็เหมือนหมู่บ้านอีกแห่ง

เพื่อนๆ รอผมอยู่ที่ริมร้านซ่อมมอร์ไซต์ ไม่ถึงร้อยเมตร จอดรอเพราะพี่หนึ่งดูแกจะจัดสัมภาระไม่เสร็จ ต้องรื้อค้นของออกมาอีกรอบ และน่าจะคงอีกหลายๆ รอบ ไม่เป็นไร มือใหม่ผมก็เป็นเหมือนกัน บางทีลืมอันไหนอยู่ฝั่งซ้าย หรือฝั่งขวากันแน่ว่ะ และผมก็จะเปิดมันทั้งสองกระเป๋าทุกๆ ทีซินะ

เด่นบอกผมว่า "ประธาน เบาะได้แก้ไขมารึยัง"

"ยังไม่ได้ทำเลยอ่ะ ผมแวะร้านแล้วเค้าไม่มีประแจเบอร์นี้ สำหรับขันเบาะบรู๊ก" ผมตอบแบบเหมือนรู้สึกผิด

"ท่านประธานจะงานเข้านะครับ ถ้าปั่นไปแบบนี้" เด่นตอบกลับมาแบบหวังดี

ผมดูเหมือนต้องทำให้เรียบร้อย พลางไปมองดูพี่หนึ่ง แกก็ยังไม่เสร็จในการจัดระเบียบอยู่เหมือนกัน งั้นผมเลยจัดการแก้ไขเรื่องนี้ให้เรียบร้อยดีกว่า แถมร้านซ่อมมอร์ไซต์อยู่ตรงหน้าพอดี

"ประธาน ไปหาประแจเบอร์ 16 หรือ 17 มาหน่อยครับ" เด่นบอกให้ผมวิ่งไปหาจากร้านมอร์ไซต์

ร้านมอร์ไซต์ยินดีให้ผมรื้นค้นหาประแจเบอร์ที่ต้องการเอาเอง เสร็จแล้วก็มาลองดูใช้ไม่ได้เพราะการไขประแจเบาะบรู๊กต้องใช้ของมันเท่านั้น นี่แหล่ะคือปัญหาของผมแล้ว ทำอย่างไรดีล่ะ

ทั้งพี่จุก เด่น และผมพยายามหาวิธีอย่างไรก็ไม่สามารถไขมันได้เลย

ผมจึงหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กๆ ออกมาแล้วยัดไปใต้เบาะเพื่อให้ดึงอานเบาะไม่ให้ชนกับรางเหล็กไททาเนียม และก็พยายามได้ผล ผมดีใจแก้ไขปัญหาของตัวเองได้แล้ว

คิดในใจ "ทริปนี้เกือบได้ทะเลาะกับเบาะอีกแล้วหรือนี่"

ขอบใจเด่นมากๆ ที่ดูแลและห่วงใยประธานทริปขนาดนี้ เย็นนี้เลี้ยงเบียร์ซัก 10 ขวดนะ

เรื่องเส้นทางใหม่ๆ นี่ผมจะชอบเสาะหาให้เพื่อนๆ สมาชิกได้เป็นโบนัส และครั้งนี้ก็เช่นกัน ปั่นนำหน้าและบอกทิศทางให้เลี้ยวซ้ายสี่แยกข้างหน้าทันที

มันเป็นเส้นทางเลียบลำน้ำคาน ไปบรรจบแม่น้ำโขง ผ่านหมู่บ้านไปตลอด ถนนเส้นนี้เงียบสงบ และมีเฮือนพักที่ดูจะต้องเป็นนักท่องเที่ยวสันโดษจริงๆ ที่ต้องการมาพัก มันเงียบเชียบ แต่ก็ยังพบเห็นนักท่องเที่ยวอยู่บ้าง ปั่นตรงมาเรื่อยๆ ก็จะพบงานดอง หรืองานแต่งกันเกือบจะ 3-4 งานที่จัดกันริมถนนทอดยาวไปเกือบจะหลายหมู่บ้าน อย่างว่าหน้าหนาวนิยมแต่งงานกัน

พวกเราปั่นช้าๆ ไม่รีบร้อน เพราะได้บรรยากาศการท่องเที่ยวของเส้นทางริมน้ำอย่างนี้ไปตลอด มีเนินบ้างเล็กๆ น้อยๆ ให้เล่น ให้วอร์มรอบขา ผ่านหมู่บ้านหัตกรรมมากมาย ทั้งทำกระดาษสา ผ้าทอต่างๆ ความร่มรื่นของเส้นทาง ผ่านวัดวาอาราม

จนมาเลี้ยวโค้งออกมาบรรจบถนนสายหลักที่มุ่งสู่ปากมองอีกครั้ง เมฆอึมครึมมากๆ วันนี้ ดีที่ทำให้เราไม่ต้องโดนแดดมากนัก และไม่ร้อนจนเกินไปด้วย อากาศกำลังเหมาะในการปั่นทัวริ่งอย่างมาก

เมื่อเข้าสู่ถนนใหญ่ ความเร็วเริ่มมากขึ้น ทำเริ่มกำหนดรอบขา และปรับเกียร์ เลขไมล์ที่ติดมาใหม่ๆ เพื่อให้ได้รู้ความเร็วซัก 20 กม.ต่อชม. ไปตามเส้นทางที่มักจะมีเนินรับ เนินส่ง และเข้าใจว่าผมจะต้องมองหาร้านขายปิ้งย่างระหว่างทางด้วย เพราะพวกเราไม่ได้เตรียมมื้อเที่ยงกัน

จำร้านค้าข้างทางได้ ผมถามเด่นว่าจอดซื้อกันมั๊ย รอจังหวะให้เด่นปั่นตามมาประกบ แต่เหมือนไม่มีเสียงตอบรับที่ท่านเรียก งั้นไปหาร้านค้าข้างหน้ากันต่อ โดยไม่ได้สอบถามพี่หนึ่งว่าเอายังงัย เดาเอาว่าตามท่านประธานแล้วกันนะ

ทีนี้ปั่นยาวๆ มาเรื่อยๆ ร้านค้ายิ่งไม่ค่อยจะมีแล้ว เส้นทางยิงกันยาวๆ ไหลลงเนินตรงๆ ความเร็วเพิ่มยิ่งขึ้น และรอบผมกำลังมา จนมาเจอร้านที่ไม่ใช่ร้านอาหาร แต่มันคือร้านขายถั่วต้ม และมันแกว (ผมลืมภาษาลาวเรียกผลมันแกวว่าอย่างไร) ผมจอดทันทีเพื่อนๆ ตามมาก็พากันจอดพร้อมกันหมด

"พวกเราแวะซื้อถั่วต้มกันก่อน และมันแกวด้วย ผมชอบทาน" ผมเอ่ยปากชวน

"เด่นเรื่องร้านอาหาร เราไปทานกันที่สามแยกไปโพนไซ ดีกว่า จำได้ว่าเราเคยแวะทานกัน" ผมเสนอความเห็นเรื่องร้านอาหารอีกครั้ง

จำได้ว่าอีกไม่ไกลหรอก และก็บอกพี่หนึ่งว่าเดี๋ยวเราแวะทานมื้อเที่ยงกัน จากนั้นก็เริ่มปั่นกันต่อ ผ่านเนินขึ้นๆ ลงๆ บางช่วงเริ่มมีการซ่อมทางกลายเป็นลูกรังย่อมๆ กว่าจะมาถึงสามแยกก็ราวๆ 20 กว่าหลัก

ผมรู้ว่าการปั่นวันแรกๆ ไม่ควรหนักเกินไป อ้างว่าผมก็ไม่ค่อยได้ซ้อมก็ได้ โชคดีวันนี้เราตั้งเป้าหมายไม่เกิน 50 หลัก ถ้าเราได้พักที่รีสอร์ตริมน้ำ
คติประจำใจ : ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
รูปประจำตัวสมาชิก
เอส-เมอร์ริด้า
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 10766
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 12:41
Tel: 087-818-9071
team: Bike Joy/ทีมล้างตา/ทีมอกาลิโก
Bike: MERIDA Karahari 510, rocky moutain,แหม่ม Brompton
ติดต่อ:

Re: ซำเหนือ ชื่อนี้อยากไปหาดินแดนแห่งขุนเขา

โพสต์ โดย เอส-เมอร์ริด้า »

รูปภาพ

"เลี้ยวซ้ายหาทางดิน"

ทางถนนออกจากเมืองหลวงพระบาง ยังไม่เรียกว่าเขาหรอก น่าจะเป็นเนินมากกว่า เพราะดันเนินชันบ้าง แต่ไม่ยาว แล้วก็ไหลลงเนินไปอย่างนี้ จนเกือบจะถึงสามแยกเลี้ยวไปเมืองโพนไซ

"เด่น เราจะจอดแวะทานข้าวมื้อเที่ยงกันแถวนี้มั๊ย" ผมพยายามบอกไปก่อน ซึ่งเด่นตามหลังมาใกล้ๆ

"ประธาน ไปทานข้าวที่ร้านค้าสามแยกโพนไซดีกว่า" เด่นเสนอมาให้ผมจำได้ทันที

บอกในใจให้พี่หนึ่งว่าแบกท้องไปอีกซัก 5 โลแล้วกันนะ จากที่ผมปั่นนำหน้าเพื่อนๆ ตอนนี้ก็มาอยู่รั้งท้าย เพราะเนินสุดท้ายนี้ชันจริงไรจริง รอบตกกระทันหัน หันไปมองทั้งเด่น พี่จุก พี่หนึ่ง มีเพียงพี่แม๊คที่ตามจี้ผมต่อท้าย เหมือนกดดันนิดๆ

ดันเนินแบบช้า เนิบๆ จนไหลลงยาวๆ มาถึงสามแยก แล้วก็เลี้ยวขวาไปยังร้านอาหารที่อยู่เพียงไม่กี่สิบเมตรเท่านั้น

เด่น พี่จุก และพี่หนึ่ง ตรงเข้าไปทักทายในร้านอาหารทันที เหมือนคนขายจะไม่ใช่คนเดิม และก็ไม่สามารถจำเราได้เมื่อต้นปีก่อน สอบถามได้ว่าคนเก่าได้ย้ายไปที่อื่นแล้ว

ไม่เป็นไร มองดูเมนูบอกว่ามีเพียงเฝ๋อเท่านั้นที่ขาย ทำให้ดูเหมือนจะมีผม พี่หนึ่ง เท่านั้นมั๊งที่สั่งมาทานกัน แต่พี่จุกก็มีข้าวเหนียวจากหลวงพระบางมาทานกันต่อ และยังมือหมูย่างจากเด่น ของเหลือทานจากเมื่อคืน ดีมากเลยต้องกินของให้หมดนะครับ แต่ความอร่อยพวกเราก็โซ้ยจนไม่เหลือ

พวกเรานำถั่วต้มที่ซื้อกันคนล่ะช่อมาทานกัน พร้อมด้วยมันแกวของผมเอง เอามาวางเรียงกันทานอย่างอร่อยจริงๆ

สามแยกไปเมืองโพนไซ เหมือนว่าขอย้อนกลับไปหาอีกรอบ ผมยังรำลึกถึงเส้นทางเดิมๆ เมื่อปีก่อน แต่คิดจะกลับไปอีกรอบก็ไม่เอาดีกว่า ตอนนั้นไม่คิดว่ามันจะยากปานนั้น ทำให้ตอนนี้จะให้หวนกลับไปอีกรอบหรอ

จะได้ปั่นกันต่อแล้ว และได้ปั่นเส้นทางใหม่ จากสามแยกนี้ ผมก็เพลินๆ กับเส้นทางไปเรื่อยๆ ชุมชนหนาแน่นจุดสามแยกนี้ มีร้านค้า และเฮือนพัก ผู้คนตลอดที่มีความเป็นอยู่ของตัวเอง มองแล้วไม่เบื่อ

เพื่อนๆ ก็ตามหลังกันมาเรื่อยๆ ปั่นมาถึงสะพานข้ามน้ำคาน ก่อนที่จะไหลไปออกแม่น้ำโขง สายน้ำมักจะวนไปมาก่อนจะไหลลงน้ำโขง สะพานมีการซ่อมเพื่อเบี่ยงไปยังสะพานเหล็ก แต่มองว่าถึงแม้จะปิดสะพานปูน จักรยานก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ปั่นข้ามได้สบายๆ จอดแวะถ่ายรูปร่วมกันบนสะพานกันก่อน

วันนี้ผมไม่คิดว่าจะต้องรีบร้อนปั่นเร็วมากมายเท่าไร เพราะมองว่าอยากจะกางเต็นท์นอนริมน้ำอู เหมือนว่าจะได้ขอทางรีสอร์ตพักได้ บางทีเลยอยู่รั้งท้ายไปเรื่อยๆ เพราะเพื่อนๆ ร่วมทริปคงรอบขามากันแล้ว เลยปั่นกันหนีหายไม่เห็นหลัง แต่ผมก็มองหาป้ายบอกว่าไปบ้านน้ำอูไปตลอด เผื่อกันหลงหรือเลยผ่านไป

ปั่นเข้ายังเส้นทางดินลูกรัง มองจากป้ายบอกให้เลี้ยวซ้ายตรงหน้า บอกสัญญานมือให้เพื่อนๆ ที่ตามหลังมา เส้นทางดีกว่าที่จินตนาการเอาไว้แต่ทีแรก ซึ่งมักจะทำให้คิดว่าโหดไว้ก่อน ถ้ามาเจอแบบนี้ก็จะเบาใจ ไม่ยากเลยแฮะ ทางแบบดินอัดแน่น มีแค่ก้อนกรวดเล็กๆ และข้างไหล่ทางเป็นกองดินที่เกลี่ยๆ เป็นเนินเอาไว้

เส้นทางรู้เลยว่ากำลังปูยางในไม่ช้า เพราะน่าจะเป็นเส้นทางที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวของที่นี่ ที่เราจะไปหมู่บ้านปากน้ำอู นั่นเอง เพื่อนๆ ตามหลังผมมาเรื่อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้เร่งรอบขาอะไรมาก ผมพยายามปั่นเพื่อชมความงามของเส้นทาง เจอหมู่บ้าน หรือทางดินมากกว่า มีเนินซึมๆ ขึ้นมาบ้างให้เราได้ปรับเกียร์เบาขึ้นแค่นั้น ความเร็วเราก็ยังไปเรื่อยๆ จนผ่านมาเจอหมู่บ้านแรกแห่งนี้ ผมจำไม่ได้หรอกว่าชื่ออะไร

เด่น ไหลลงเนินตามมาอย่างเร็ว มองเห็นนักท่องเที่ยวหลายคันรถที่ทางเข้าหมู่บ้านแห่งนี้ ทำให้สงสัยว่ามีแหล่งท่องเที่ยวอะไรหรอ พยายามตะโกนสอบถามชื่อหมู่บ้านแห่งนี้ ได้เสียงตอบกลับมาว่า บ้านซางไฮ แต่ผมก็เหลียวกลับไปมองต้นเสียงหวานๆ นั้น สาวชาวบ้านทำความสะอาดหน้าบ้านอยู่ยิ้มทักทายมาให้

เส้นทางยังต่อไปเรื่อยๆ เส้นทางก็เริ่มมีเนินมากขึ้น และทางก็มีหินลอย ฝุ่นหนา และพ้นเนินชันๆ ที่เริ่มต้อนรับมาเรื่อยๆ มาเจอเนินลงอย่างรวดเร็ว ก็มาเจอปางช้าง ที่มองเห็นช้างอยู่กับควานช้าง ยืนคอยรับนักท่องเที่ยว พวกเราเข้าไปข้างใน แต่ถูกต้อนให้กลับออกมา เลยได้แต่มองแค่ผ่านๆ บอกเพื่อนๆ ว่าไปต่อกันดีกว่า

เส้นทางความสวยงามเพิ่มมากขึ้น เลียบไปกับลำน้ำโขงไปตลอดแล้ว ความงดงามของสายน้ำ ขุนเขาตามทางและแนวโค้งของลำน้ำ มองมุมกว้าง ปั่นเข้าไปหามุมถ่ายภาพกัน บางครั้งคุ้มค่ามากๆ ที่เราเลี้ยวมาเจอมุมโค้งของแม่น้ำสวยๆ แบบนี้
คติประจำใจ : ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
รูปประจำตัวสมาชิก
เอส-เมอร์ริด้า
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 10766
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 12:41
Tel: 087-818-9071
team: Bike Joy/ทีมล้างตา/ทีมอกาลิโก
Bike: MERIDA Karahari 510, rocky moutain,แหม่ม Brompton
ติดต่อ:

Re: ซำเหนือ ชื่อนี้อยากไปหาดินแดนแห่งขุนเขา

โพสต์ โดย เอส-เมอร์ริด้า »

รูปภาพ

จอดพักแวะถ่ายภาพวัดระหว่างทางเลียบโขง เส้นทางนี้เงียบสงบมาก และบรรยากาศแบบชุมชนท้องถิ่น มีการทำกระดาษ และทอผ้าที่สวยงาม
คติประจำใจ : ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
รูปประจำตัวสมาชิก
kittisuk1979
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 448
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 เม.ย. 2014, 11:35
Tel: 0968745979
Bike: araya muddy fox

Re: ซำเหนือ ชื่อนี้อยากไปหาดินแดนแห่งขุนเขา

โพสต์ โดย kittisuk1979 »

ตามมาอ่านครับ :D
ปั่นเข้าไป ยังไง ก็สุขภาพ :D
line :wizards0005
tappa
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ค. 2014, 13:28
Tel: 0863206724
Bike: trek4300

Re: ซำเหนือ ชื่อนี้อยากไปหาดินแดนแห่งขุนเขา

โพสต์ โดย tappa »

รอชมอยู่นะครับ :D :D :D
รูปประจำตัวสมาชิก
เอส-เมอร์ริด้า
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 10766
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 12:41
Tel: 087-818-9071
team: Bike Joy/ทีมล้างตา/ทีมอกาลิโก
Bike: MERIDA Karahari 510, rocky moutain,แหม่ม Brompton
ติดต่อ:

Re: ซำเหนือ ชื่อนี้อยากไปหาดินแดนแห่งขุนเขา

โพสต์ โดย เอส-เมอร์ริด้า »

การปั่นวันแรกจากหลวงพระบาง - บ้านปากอู - บ้านปากแจก ระยะทาง 70 กม.
...บ้านปากอู ชื่อนี้ผมตั้งใจมาค้นหา ไม่ได้จะมาค้างที่นี้หรอก แค่จะมานั่งทานอาหารริมปากน้ำอู เพราะอยากชมบรรยากาศริมน้ำ และค้นหาข้อมูลต่างๆ ว่ามีร้านค้าหลายร้านน่าอร่อย และเส้นทางที่สวยงามเลาะริมโขงเกือบ 10 โล การปั่นไม่ยากสำหรับเส้นทางมากนัก รถปั่นทัวร์ริ่งมาได้สบายๆ เป็นดินลูกรังอัดแน่นๆ เพื่อเตรียมราดยางล่วงหน้า เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวโดยรถยนต์มาได้ไม่ยากนัก ปัจจุบันนิยมล่องเรือกันมาจากหลวงพระบาง
…มีเนินดันไม่กี่ช่วง จุดแรกคือหน่วยท่องเที่ยวปางช้าง ที่เราไม่ได้แวะเข้าไปชม แต่มีนักท่องเที่ยวมาชมที่เป็นชาวต่างชาติกันมากันเยอะ เราก็ปั่นมาเรื่อยๆ ลงเนิน ขึ้นเนินช่วงริมโขงเพื่อเข้าหมู่บ้าน จะมีสามแยกเลี้ยวซ้ายไปก่อน ถึงหมู่บ้านที่เห็นเสาโทรศัพท์ไกลๆ อยู่ด้านหน้าภูเขาหินผาที่สวยงามตรงหน้าอีกไม่ไกล
…สภาพหมู่บ้านดูเงียบสงบ มีรถเกลี่ยดินเพื่อทำทางใหม่ใกล้หมู่บ้าน เลี้ยวเข้าไปเจอชาวบ้านนั่งกันหลายคนในเพิงพักไม้หลังไม่ใหญ่ เชิญชวนให้นั่งเรือไปเที่ยวถ้ำติ่ง หรือถ้ำปากอู ค่าเข้าชมราคา 20000 กีบ เทียบเงินไทยก็ราวๆ 80 บาท ทุกแห่งสถานที่สำคัญจะราคานี้เกือบทั้งสิ้น นั่งเรือข้างฟากไป แต่เราไม่ได้คิดว่าจะข้ามไปชม กะว่าจะหาร้านอาหารทานกันมากกว่า
…เลยเข้ามาก็เป็นแหล่งร้านค้าขายของที่ระลึก ผ้าทอสวยงาม ร้านอาหาร และร้านของชำร้านใหญ่สองสามร้าน ทะยอยปั่นเข้ามาเรื่อยๆ ถนนกำลังปรับปรุงไปตลอดทางเข้าหมู่บ้าน เด็กๆ มากมายยิ้มทักทาย ได้มองได้เห็นบรรยากาศแบบนี้ ทำให้เราสุขใจที่ได้รับ การปั่นที่ไม่ได้มองที่เป้าหมาย ได้มองเห็นความเป็นอยู่ที่ดูแล้วมีความสุขอยู่ตลอดที่เรามองเห็นในจิตใจ
…เราหลงเข้ามาจนสุดหมู่บ้านแห่งนี้ ได้ยินเสียงผู้ใหญ่บอกว่าไปบ่ได้ ทางขาดทำทางอยู่ ให้เลี้ยวซ้ายด้านหน้าหมู่บ้าน มีวัดประจำหมู่บ้านแห่งนี้ ชื่อวัดปากอู ดิ่งลงไปทางตะลิ่งริมน้ำ มีบ้านคนอยู่กันหนาแน่น มองเห็นร้านค้าแบบแพริมน้ำไปสอง สามแห่ง เราปั่นไปต่อ จนสุดทางลงไปยังร้านค้าอีกสองแห่ง
…มองเห็นร้านค้าตรงหน้า สะพานไม้ลงไป มองเห็นมอร์ไซต์จอดกันเรียงรายหลายๆ คัน เราก็มองหาบริเวณเพื่อจอดจักรยานพวกเรากันบ้าง ก่อนจะลงไปยังร้านอาหารด้านล่าง
…ร้านอาหารทำเลดีมาก ติดชิดปากแม่น้ำอู ตัดกับแม่น้ำโขงขนาดใหญ่ตรงหน้า ได้โต๊ะติดริมน้ำ ลมเย็นสบาย แดดตัดเมฆสวยมาก ภูเขาสูงตัดตรงหน้าอีกฝั่งโขงที่สูงตระหง่าน แสงส่องทะลุก้อนเมฆ มองไปเพลินอยู่นาน เพื่อนๆ เข้ามานั่งมองกันเพลิน พร้อมได้รับเมนูอาหารจากแม่ค้าสาวน้อยคนสวยหยิบยื่นมาให้
...ผมบอกเด่น และพี่จุก จัดเบียร์ลาวกันมาก่อนสองแก้ว พร้อมน้ำแข็ง เมื่อเราได้ทานกันมาก่อนล่วงหน้าก่อนเข้าหมู่บ้านกันแล้ว ก็ยังอิ่มกันอยู่ พร้อมมันแก้วซื้อมา และถั่วต้มอีกคนละถุง มันก็ยังเยอะอยู่ หยิบมานั่งทานกันก่อน
ไฟล์แนบ
001.jpg
001.jpg (146.04 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
002.jpg
002.jpg (186.91 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
003.jpg
003.jpg (171.66 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
004.jpg
004.jpg (94.21 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
005.jpg
005.jpg (98.28 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
คติประจำใจ : ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
รูปประจำตัวสมาชิก
เอส-เมอร์ริด้า
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 10766
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 12:41
Tel: 087-818-9071
team: Bike Joy/ทีมล้างตา/ทีมอกาลิโก
Bike: MERIDA Karahari 510, rocky moutain,แหม่ม Brompton
ติดต่อ:

Re: ซำเหนือ ชื่อนี้อยากไปหาดินแดนแห่งขุนเขา

โพสต์ โดย เอส-เมอร์ริด้า »

...มาต่อกันครับ กับการเดินทางทริปนี้ของผม เป้าหมายยังอีกไกล และคงหลายวันกว่าจะถึงซำเหนือ นี่ก็เป็นการปั่นวันแรกๆ ที่เริ่มต้นจริงจัง เมื่อวานผมปั่นจากด่านมาท่ารถสายเหนือ ก็ระยะทางราวๆ 40 กม. แต่วันนี้คาดหมายกันว่าไม่น่าจะเกิน 70 กม.
…ตอนวางแผนทริปแรกๆ เล่นจะให้ถึงเมืองหนองเขียวกันเลย เกือบจะ 140 กม. ไม่รู้ประมาณตัวเองเล้ยยย เมื่อก่อนทำได้นะครับ 555 เดี๋ยวนี้ขาอ่อนลงมาก เอาเป็นว่ายังกะเกณฑ์ไม่ได้ว่าจะเป้าหมายค่ำนี้จะนอนไหน
…เมื่อได้เวลาพักทานมื้อบ่ายสอง จวนจะบ่ายสามกันแล้ว ถ้าไม่รีบคงได้ค้างนอนกันที่บ้านปากอู จะไปได้ไม่ไกล ปัญหาจะเป็นโดมิโน่วันต่อๆ ไปได้ เก็บเงินจริงๆ ก็ไม่ได้กินอะไรเท่าไร แถมร้านอาหารยังแถมกล้วยมาให้ทานกันฟรีๆ หนึ่วหวี เป็นกล้วยน้ำหว้าที่อร่อยมาก จากจุดนี้ร้านค้าย้อนกลับทางเดิมไปก่อนถึงสามแยกแล้วเลี้ยวซ้ายไปอีกด้าน
…เอ่อทำไมเหมือนไม่อยากปั่นออกมาจัง บรรยากาศมันน่าพักซักคืน แต่ก็ต้องไปกันต่อ เดิมทีผมมองจากแผนที่กูเกิล ว่ามีเฮือนพักหรูริมแม่น้ำอูเป็นหมู่บ้านสมสะหนุก สอบถามว่าคงต้องลุ้นว่าจะได้พักกางเต็นท์นอนหรือป่าว
…เส้นทางยังคงเป็นดินลูกรังเหมือนเดิม แต่ยากขึ้นเล็กน้อย เพราะมีเนินชันให้ได้ลองกำลังกันแล้ว ผมปั่นนำหน้าเพื่อนๆ เพื่อเป็นกำลังใจว่าไม่ได้ยากนะ โดยเฉพาะน้องใหม่ของทริป ประเภทหลอกหล้อให้มากันก่อน จะได้ไม่ให้หลังกลับ 555
…ปั่นมุ่งหน้าไปเรื่อยๆ ทางตัดเลี้ยวซ้าย เริ่มไม่ค่อยมีบ้านคนและเจอแต่ป่าแล้ว ทางแคบลงต้นไม้สองข้างทางเริ่มหนาแน่นขึ้น บางทีทางขึ้นเป็นสองเลนเท่านั้น และก็ชันมากด้วย เนินนี้ไม่ธรรมดาซะเหลือเกิน ผมนำมาก่อนใคร เกียร์เริ่มต้องบิดไปเบาสุดซะแล้ว
…เฮ้ย แม่งชันว่ะ สงสัยตรูต้องใช้วิชาเลื้อยหรือป่าวว่ะเนี่ย แต่มองไปแล้วเดี๋ยวน้องใหม่จะกลัว ผมเลยต้องดันให้สุดเนินชันในให้จบในรอบเดียว แล้วก็มาจอดพัก มองกลับไปด้านหลัง ยกกล้องเล็งเพื่อนๆ ที่ไต่เนินกันมา พี่หนึ่งหายใจทางปากซะแล้ว
…ภาพด้านบนสวยอย่าบอกใครเชียว เป็นเว้งน้ำ แนวโค้งไปตัดกับภูเขาตรงหน้า สวยงามคุ้มแล้วที่พาเพื่อนๆ มาลองกัน เกือบจะปราบเซียนอย่างเราๆ ซะแล้ว ปั่นกันต่อไปดิ่งลงเนินอย่างชัน ที่ว่าขึ้นมาชันแล้ว ถ้าขึ้นด้านนี้กลับไปโครตจะชันกว่า เพราะผมต้องยกก้น ย้วยไปด้านหลังตามทฤษฎีที่เรียนมาจากเพื่อนๆ สุดขากันเลย และกำเบรคให้แน่น ไม่งั้นแม่งพุ่งดิ่งลงเหวเป็นจรวดแน่ๆ ผมตามมาคันหลังสุด ดูเด่นจะรอลุ่นผมอยู่ปลายทาง
…เรายังปั่นต่อไป ทางแบบลูกรังบ้านๆ สนุกมากครับ เส้นทางแบบนี้นึกถึงทริปเก่าๆ สวยงาม สนุกตื่นเต้น เกือบล้มก็มี ปั่นไปจวนจะถึงหมู่บ้านข้างหน้ากันแล้ว ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีเฮือนพักริมแม่น้ำ ที่สวยงาม ผู้คนก็สนใจนักปั่นจากแดนไทยกันมา ทักทายโบกมือต้อนรับ เรามาจอดหน้าป้ายทางเข้า มองไปรอบๆ ผู้คนเริ่มมองมา สอบถามหมู่บ้านอะไร และบอกว่าอยากจะมาพักที่เฮือนพักข้างใน ให้ลองไปสอบถาม
…ผม กับเด่นไปเจรจาว่าความหน่อย พี่แม๊ก พี่จุก และพี่หนึ่งจอดคอยอยู่ข้างหน้า ปั่นเข้าไปโห้ น่าพักจังเลย แต่เมื่อเข้าไปแล้วเฮ้ย คนมาจากไหนว่ะเนี่ย จอดรถเป็นไปหมด เข้าไปถึงด้านในสุดริมน้ำ มีการจัดงานกันอยู่ มีสระว่ายน้ำ เล่นกันเต็มไปหมดเลย กินเลี้ยงกันอย่างสนุกสนาน น่าจะเหมาโรงแรมกันหมดซะล่ะมั่ง จากนั้นผู้จัดการมาพอดี เลยขอสอบถามว่าอยากกางเต็นท์นอนจะพอมีที่ได้มั๊ย ไม่นานก็ได้คำตอบว่าไม่อนุญาติให้กางเต็นท์นอนครับ เพราะวันนี้มีแขกมากันเยอะมาก จองที่พักไว้ จบข่าว...
…ปั่นออกมา บอกพี่จุก พี่แม๊ค และพี่หนึ่ง ว่าเราไปกันต่อ ค่ำไหนนอนนั่น จึงปั่นกันมาไม่ไกลก็พบอีกหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งใหญ่มาก พักกันที่ร้านค้า ทานน้ำ เติมขนม และข้าวเหนียวกันอีก เพื่อจะไปต่อออกถนนสายหลักกันแล้ว
...สอบถามเจ้าของร้านค้าหน้าหมู่บ้าน บอกว่าออกไปอีกราวๆ 35 กม. จะมีเฮือนพัก พวกเราเลยลุ้นกันว่าจะมืดหรือไม่ ลุยๆๆๆ
เอส-เมอร์ริด้า
7-มิถุนายน-2562
ไฟล์แนบ
006.jpg
006.jpg (250.18 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
007.jpg
007.jpg (255.95 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
008.jpg
008.jpg (149.41 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
009.jpg
009.jpg (172.14 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
010.jpg
010.jpg (196.23 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
011.jpg
011.jpg (100.56 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
012.jpg
012.jpg (345.12 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
013.jpg
013.jpg (293.36 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
014.jpg
014.jpg (305.28 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
015.jpg
015.jpg (280.12 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
คติประจำใจ : ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
รูปประจำตัวสมาชิก
เอส-เมอร์ริด้า
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 10766
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 12:41
Tel: 087-818-9071
team: Bike Joy/ทีมล้างตา/ทีมอกาลิโก
Bike: MERIDA Karahari 510, rocky moutain,แหม่ม Brompton
ติดต่อ:

Re: ซำเหนือ ชื่อนี้อยากไปหาดินแดนแห่งขุนเขา

โพสต์ โดย เอส-เมอร์ริด้า »

...
ไฟล์แนบ
016.jpg
016.jpg (258.75 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
017.jpg
017.jpg (159.56 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
018.jpg
018.jpg (192.01 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
019.jpg
019.jpg (275.62 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
020.jpg
020.jpg (202.99 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
021.jpg
021.jpg (223.09 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
022.jpg
022.jpg (236.39 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
023.jpg
023.jpg (120.52 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
024.jpg
024.jpg (123.83 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
025.jpg
025.jpg (168.87 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
คติประจำใจ : ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
รูปประจำตัวสมาชิก
เอส-เมอร์ริด้า
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 10766
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 12:41
Tel: 087-818-9071
team: Bike Joy/ทีมล้างตา/ทีมอกาลิโก
Bike: MERIDA Karahari 510, rocky moutain,แหม่ม Brompton
ติดต่อ:

Re: ซำเหนือ ชื่อนี้อยากไปหาดินแดนแห่งขุนเขา

โพสต์ โดย เอส-เมอร์ริด้า »

วันที่ 13 มกราคม 2562 ปั่นจากหลวงพระบาง - บ้านปากแจก ระยะทาง 70 กม.
เวลาเหลือไม่มาก เราไม่รู้ว่าจะพักกันจุดไหนตอนนี้ ออกมาจากทางแยกตัดถนนหลัก มุ่งหน้าตรงขึ้นมาเรื่อยๆ ผ่านสะพานข้ามน้ำอูอีกครั้ง และตัดขึ้นเนินช่องแคบหินผาสองข้างทาง ก็จอดพักกันรอพี่จุก เหมือนจะรั้งท้ายกลุ่มอยู่เผื่อมีอะไร
เส้นทางช่วงนี้กำลังงาม แสงแดดส่องบนท้องฟ้าตัดกันเป็นอย่างดี ถนนราดยาง มีเนินให้ดันขึ้นๆ ลงๆ ไปตลอดเส้นทาง ดันแล้วส่งต่อกันไป บางทีก็เลยตั้งความเร็วมากับเด่น พลัดกันลากตั้งความเร็วกันมาแบบรอบจัด (น่าจะบอกกับตัวเองหน่อยว่าเพิ่งจะปั่นวันแรกๆ เองนะ อย่าใส่หมด)
ปั่นกันมาถึงเขื่อนน้ำอูแล้ว แต่เราก็มองหาหมู่บ้านที่น่าจะพักกางเต็นท์นอนกันได้ ยังไม่พบ ทางช่วงนี้เริ่มพัง และกั้นแนวสร้างเขื่อนยาวเกือบโล จอดรอพักรอบขากันก่อน ได้คุยกันว่าเส้นทางเลียบแม่น้ำอูไปเรื่อยๆ คาดว่าระหว่างทางน่าจะมีหมู่บ้านที่ขอพักกางเต็นท์นอนกันได้
ชมวิวรอบเขื่อน มองดูฝั่งตรงข้ามมีสะพานข้ามไปฝั่งโน้น ที่ไม่ได้ให้รถวิ่ง มีแนวกั้นเข้าไปไม่ได้ แต่ก็ได้ลองตะโกนถามดูว่าขอกางเต็นท์ริมเขื่อนได้มั๊ย คนงานคงฟังพวกเราไม่รู้เรื่องหรอก คนจีนทั้งนั้น มองสภาพการเปลี่ยนแปลงของที่นี่มากมายต้องเกิดขึ้นตลอดแนวน้ำขึ้นไปจะถูกน้ำท่วมหมด คาดว่าจะขึ้นมาเกือบสิบเมตรจากแนวตลิ่ง ท่วมถนน และหมู่บ้านด้านล่างไปตลอด
ความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้อยากให้เกิดในการที่จะต้องย้ายหนีน้ำของแต่ละหมู่บ้านที่อยู่กันมาอย่างช้านาน ทางการไม่ได้ให้เงินช่วยเหลือเต็มที่เท่าไร เท่าที่สอบถามเบื้องต้นจากคนท้องถิ่น
การเดินทางปั่นขึ้นเหนือกันต่อไป มองหาหมู่บ้านแต่ก็เงียบมาก ไม่มีผู้คนระหว่างเส้นทางมีการยกต่อม้อขึ้นสูง และเหมือนแอ่งกระทะที่เราต้องดิ่งลง และดันขึ้นเนินแบบยกชันทีเดียวหลายจุดมากๆ มันคือการสร้างเขื่อนย่อยๆ กั้นน้ำลำห้วยที่ออกมาบรรจบกับแม่น้ำอู และคาดว่าชาวบ้านต้องย้ายบ้านมาสร้างหลังเขื่อนย่อยๆ เหล่านี้ไปเกือบทุกหมู่บ้านบริเวณนี้
ผม และสมาชิกยังปั่นมาเรื่อยๆ จนมาถึงร้านค้าแห่งหนึ่งมีวัดอยู่บนยอดเนิน และทำเลเหมือนจะสามารถพักค้างกางเต็นท์ได้ ผู้สาวสองคนกำลังเก็บร้านอยู่ จึงรีบปั่นข้ามไปสอบถามถึงนายบ้านอยู่หลังไหน จะขอนอนค้างกันที่นี่ซักคืนหนึ่ง
หน้าตาน่ารักเชียวแต่เขินอายหนีหายเมื่อผมจะยกกล้องถ่ายภาพ...ซะแล้ว
เอส-เมอร์ริด้า
9 มิถุนายน 2562
ไฟล์แนบ
026.jpg
026.jpg (131.51 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
027.jpg
027.jpg (194.93 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
028.jpg
028.jpg (312.66 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
029.jpg
029.jpg (216.86 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
030.jpg
030.jpg (289.22 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
031.jpg
031.jpg (153.86 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
032.jpg
032.jpg (232.67 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
033.jpg
033.jpg (140.9 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
034.jpg
034.jpg (235.74 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
035.jpg
035.jpg (182.73 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
คติประจำใจ : ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
รูปประจำตัวสมาชิก
เอส-เมอร์ริด้า
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 10766
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 12:41
Tel: 087-818-9071
team: Bike Joy/ทีมล้างตา/ทีมอกาลิโก
Bike: MERIDA Karahari 510, rocky moutain,แหม่ม Brompton
ติดต่อ:

Re: ซำเหนือ ชื่อนี้อยากไปหาดินแดนแห่งขุนเขา

โพสต์ โดย เอส-เมอร์ริด้า »

...
ไฟล์แนบ
036.jpg
036.jpg (70.1 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
037.jpg
037.jpg (125.93 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
038.jpg
038.jpg (165.18 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
039.jpg
039.jpg (136.37 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
040.jpg
040.jpg (107.01 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
041.jpg
041.jpg (152.31 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
042.jpg
042.jpg (144.52 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
043.jpg
043.jpg (192.88 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
044.jpg
044.jpg (128.31 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
045.jpg
045.jpg (189.46 KiB) เข้าดูแล้ว 9940 ครั้ง
คติประจำใจ : ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
ตอบกลับ

กลับไปยัง “สรุปทริป / รายงานการปั่น”