ทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

รายงาน/รูป "สรุปทริป" จากที่ได้ปั่นมา
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

หลวงพระบาง – เดียนเบียนฟู เวียดนาม
การเดินทางด้วยใจไปกับสองล้อ ในมุมมองของพี่มาย

วันนี้ 14 เมษายน 2560 เดินทางถึง “เดียนเบียนฟู” ถิ่นประวัติศาสตร์มีชื่อเสียงเนื่องจากเป็นที่รบยุทธการระหว่างฝรั่งเศสกับเวียดมินห์ ห่างจากด่านพรหมแดนประเทศลาว “ด่านปางหก” ผ่านด่านเลยเข้าไปประมาณ 6กม. ก็ถึงด่านพรหมแดน “เตตรัง” คือด่านฝั่งเวียดนามเข้าไปอีกเพียง 35 กิโลเมตร พี่มาย พี่มล พี่กุย ตัดสินใจดีแล้วจะตะลุยตามหลังไปอย่างไม่ยอมเลิกรา เช้าวันนี้เดาว่าคณะพี่หัวหน้ากบ พี่ดาบ พี่ป๋อง พี่ลี พี่เล็ก พี่แดง พี่ถัง ก็คงเริ่มออกปั่นจากเมืองใหม่ไปเดียนเบียนฟูเหมือนกัน เราตกลงกันก่อนหน้าว่ากลุ่มใครที่ปั่นถึงก่อน ให้ไปรอรับพี่มายที่คิวรถ

เช้าตรู่ ณ หลวงพระบางพี่มาย พี่มล พี่กุยเราตื่นเช้ากว่าปกติ โดยเฉพาะพี่มายกระวีกระวาดเก็บสัมภาระยัดลงเป๋าอย่างมีชีวิตชีวา กลับเข้าสู่โหมดปกติอีกครั้ง แค่แป๊บเดียวก็พร้อมเตรียมตัวปั่นตามพี่กุยไปสถานีรถโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก มั่นใจแกได้คะ ซึ่งพี่กุยมาที่นี่ครั้งแรกเหมือนกัน แต่แกดันเหมือนคนมีเรด้าชำนาญเรื่องทิศทาง ประเภทว่าตามแกไปแต่โดยดีเถอะ ให้แกปิดตาปั่นยังไปถูกไม่มีพลาดเป้าเลย เราถึงสถานีรถก่อนเวลาครึ่งชั่วโมงเพราะเป็นวันเทศกาลก็กลัวว่าคนจะเต็ม พี่มายจ้องจะขึ้นคนแรกอยากนั่งหน้าสุดหล่ะ กลัวมีปัญหาเมารถอ๊วกแตก พี่หัวหน้ากบเคยบอกว่ารถโดยสาร หลวงพระบาง-เดียนเบียนฟู วิ่งเที่ยวเดียวต่อวัน เวลา 06.30 น. ระยะทางประมาณ 400กม. ประเภทรถมินิบัสปรับอากาศคันเล็ก มองภายนอกดูเก่าแต่ข้างในสะอาดสะอ้านเบาะไม่มีฉีกขาดแม้แต่นิด เดาว่าน่าจะ 20-25ที่นั่ง

ระหว่างรอเดินดูเล่นๆ ว่ารถเราคันไหนแน่ เพราะตัวหนังสือหน้ารถแต่ละคันไม่คุ้นตา อ่านก็ไม่ออก มองไปรอบสถานีเห็นรถจอดเทียบกันแค่สามคัน คนแทบไม่มีเลย นึกสงสัยนี่คือเมืองหลวง เมืองใหญ่ของประเทศและเป็นช่วงเทศกาลวันสงกรานต์แท้ๆ ทำไมคนไม่มีคนนะ ถ้าเป็นที่บ้านเมืองเราคนเดินทางสวนกันไปมาระเวิ๊ก ระวั๊ก เนืองแน่น แทบเยียบกันตายที่บขส. ก็ช่วงวันสำคัญนี้แหละ

รถออกตรงเวลามีผู้โดยสารห้าคน โดนสองหนุ่มเวียดนามแย่งนั่งหน้า ไม่เป็นไรที่นั่งว่างแสนว่าง เพราะรู้จักคนขับ คุยกะนุ๋ง กะหนิ๋งกับคนขับตลอดทาง แถมยังชวนคนขับแวะซื้อนก นกที่ได้มาร้อยเป็นพวงตัวเล็กๆ น่าจะเป็นนกกระจิบ ถอนขนนกปลิวฟุ้งอย่างสบายใจต่อหน้าเราเฉยเลย พี่มายต้องปิดปากตัวเองไม่พูด นั่งดูตาปริบๆ ใจหดหู่ สงสารนกน้อยจัง เซ็งเป็ดเลย

คนขับกับสองหนุ่มเวียดนามคุยกันตลอดทาง ขับรถช้ามากจะถึงเดียนเบียนฟูวันนี้ไหมน้อ นั่งจนก้นบานเป็นกระด้งแย๊ว เดี๋ยวโมโหลงปั่นโชว์ฟอร์มแซงปาดหน้าถึงก่อนเลยฮ่าๆ นั่งคนที่สามหลังคนขับจึงเห็นการเป็นไปต่างๆ สักพักก็เบื่อแต่โชคดีตัดสินใจกินยานอนหลับที่หมอหลวงพระบางให้มา กินกันเมาก่อนเดินทาง จึงผล๋อยหลับลึกสลบไสลไม่รู้สึกตัว ตื่นเปลี่ยนท่านอนบ้าง ลืมตาดูโดยรอบเห็นเด็กๆ และสาวๆ ข้างทางสาดน้ำใส่รถเป็นระยะ

จำได้ในความสลึมสลือหนุ่มน้อยกระเป๋ารถมานั่งเบียดถามโน่นนั่นนี่ เห็นแว่นตาเราก็สวยถามซื้อต่อ เห็นโทรศัพท์เราสวยก็ถามซื้อต่อ แม้แต่จักรยานเราก็ถามซื้อต่อ (สุดท้ายแว่นกันแดดพี่มายหายบนรถบัสนั่น) ระหว่างฝันหวานก็ถูกปลุกให้ลงไปทานข้าวเที่ยง เห็นว่าคนไม่เยอะก็ทิ้งของไว้บนเบาะ การกินข้าวที่นั่นเขาคิดราคาเดียวต่อหัวคนละ 25,000กีบ มีกับข้าวหน้าตาแปลกๆวางบนโต๊ะสามสี่อย่าง เพราะฤทธิ์ยานอนหลับก็กินๆไปงั้นแหละไม่รู้รสชาติ พอขึ้นรถก็หลับยาวต่ออีก นอนๆนั่งๆคอพับคอเวี่ยงไปมาเมื่อยก็เปลี่ยนท่าอยู่บนรถประมาณ 11 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงเดียนเบียนฟูฟ้ามืดแล้ว เดินลงมาแบบงงๆ เพราะฤทธิ์ยานอนหลับ ปวดตามตัว คอบ่าไหล่เคล็ด มึนหัวตึบ ช่างเถอะเรื่องสิวๆ

เห็นพี่กบ พี่ดาบ มารอรับที่ท่ารถก็ดีใจตื้นตันใจใหญ่ จากกันแค่วันเดียวเอง เหมือนไม่เคยเจอกันเป็นชาติฮ่าๆ แกพาเข้าที่พักเก็บสัมภาระก่อนซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทางเข้าสถานีรถนี่เอง แล้วพาไปแลกเงินดองที่วงเวียนอนุเสารีย์สู้เพื่อชัยชนะ (ร้านทอง. 1 บาท/62 0vnd.(ดอง)) รับแลกเงินบาทเป็นดองเรทเดียวกันกับที่ลาวคะ และขากลับแวะซื้อซิมเวียดนามพร้อมให้ร้านสมัครแพคเกจให้เลยรวมราคา 18,0000 vnd. มันจำเป็นต้องมีเพื่อการติดต่อระหว่างวัน ประโยชน์ก็ตอนปั่นหากคลาดกันติดต่อสอบถามกันได้ตลอดเวลา หลังจากนั้นกลับมาห้องชวนพี่มล พี่กุย ออกไปหาข้าวกินแถวๆนั้น ก็เจอกลุ่มพี่ลี พี่เล็ก พี่แดง ออกมากินข้าวร้านเดียวกัน เป็นอันจบวันอันยาวนานของวันแค่นี้ ราตรีสวัสดิ์ฝันหวานตื่นมามีความสุขทั้งวันทุกท่านนะคะ

ลักษณะรถที่เราขึ้นจากบขส.หลวงพระบาง-เดียนเบียบฟู
รูปภาพ

ผู้โดยสารทั้งคันรถมี 5 ท่าน นั่งหลังมีแค่นี้
รูปภาพ
รูปภาพ

นี่คือน้องกระเป๋ารถ แกถือวิสาสะหยิบแว่นคามือพี่มายไปลอง แต่ไม่ใช่อันที่หายนะอันที่หายอยู่ในกระเป๋าวางข้างๆ หล่อไหมหล่ะ
รูปภาพ

ตื่นมาเจอคนนั่งตรึมไม่รู้ขึ้นมาตอนไหน
รูปภาพ

ฤทธิ์ยานอนหลับก็หลับได้หลับดีหลับตลอด อดได้เห็นบรรยากาศข้างทางเลย ตื่นมาได้ถ่ายไว้หนึ่งรูปมาอวดแค่นี้
รูปภาพ

ทำเรื่องออกจากจากพรหมแดนลาวด่านปางหก (ลาว) ที่ด่านนี้ยังเป็นระบบเมนวลคือเจ้าหน้าที่จะเขียนด้วยมือลงสมุดนัมเบอร์เล่มใหญ่ ไม่มีค่าใช้จ่าย ออกจากด่านลาวมาประมาณ 6กม. จึงถึงพรหมแดนด่านเตตรังเป็นฝั่งเวียดนาม ตรงจุดนี้เริ่มสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง จากในรูปทำเอกสารเสร็จแล้วก็เดินมายืนรอรถในเขตแดนด่านเตตรังฝั่งเวียดนาม บรรยากาศเงียบเหงาจัง มองไปรอบมีรถตู้เราอยู่คันเดียวไม่มีคนเลย มีร้านค้าหนึ่งร้านเล็กๆขายอาหารแค่นั้น และมีห้องน้ำบริการในร้านนี่แหละคะ เสียเงิน 2,000กีบ ร้านค้าตรงนี้ขายซิมเวียดนามด้วยนะ เติมเงินสมัครแพคเกจ 1 เดือนราคา 16,0000 vnd (เติมตรงนี้ถูกกว่าในเดียนเบียนฟูคะ)

พวกเรายื่นเอกสารผ่านพรหมแดนด่านเตตรังที่ตึกหลังคาสีแดงนั่นคะ
รูปภาพ

ฝรั่งจูงมอเตอร์ไซด์เสียมาจะข้ามด่านเตตรังไปฝั่งลาว เจ้าหน้าที่ไม่ให้ข้ามจึงต้องขนขึ้นรถกลับเดียนเบียบฟู พี่มายฉงนใจนะ รถรู้โดยสารคันเล็กๆแค่นี้ ไม่ว่าผู้โดยสารขนอะไรมา คนขับรถไม่มีอาการลังเลใจจับยัดๆเลย วางอัดเบียดกันในรถ ถ้าเต็มก็ขนขึ้นหลังคาไม่ว่าจะหนักแค่ไหน ผู้โดยสารขนอะไรมาเขาพยายามเอาขึ้นจนได้ บริการทุกระดับประทับใจไม่มีผิดหวังจริงๆ
รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 12 มี.ค. 2018, 10:52, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง
รูปประจำตัวสมาชิก
sananmunketvit
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 76
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ม.ค. 2013, 20:21
Tel: 0895650940
team: ท่ามะเขือ
Bike: giant xtc

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย sananmunketvit »

ติดตามอยู่ครับ/
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

15 เมษายน “เดียนเบียนฟู – เมืองลาย”
คนสวยใจเสาะปั่นวันแรกที่เวียดนาม
ระยะทางปั่นตามลายแทงประมาณ 100กม. พี่หัวหน้ากบคอยกำชับให้สมาชิกรู้ร่วงหน้าแต่ละวัน เพื่อเตรียมกายใจให้พร้อม เช้านี้พวกเราปั่นไปรวมตัวแชะๆ ยิงภาพบริเวณอนุสาวรีย์ “สู้เพื่อชัยชนะ” ซึ่งอยู่บนเนินเขาที่ตั้งกลางเมืองตรงวงเวียน เป็นถิ่นประวัติศาสตร์ที่โด่งดังไปทั่วโลกที่มั่นสุดท้ายของกองทัพฝรั่งเศส

เมืองเดียนเบียนฟู เป็นพื้นที่ราบขนาดใหญ่ที่โอบล้อมด้วยเทือกเขาสูงชัน มีสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ และธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทำการเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรได้ตลอดทั้งปี ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่กองทัพฝรั่งเศสเลือกใช้พื้นที่แห่งนี้เป็นฐานบัญชาการทางทหารในการสู้รบกับกองทัพเวียดมินห์ โดยหวังใช้เทือกเขาสูงชั้นเหล่านั้นเป็นเกราะคุ้มภัยให้กับทหารฝรั่งเศส และเพื่อตัดเส้นทางการลำเลียงกองกำลัง และยุทธ์ปัจจัยระหว่างกองทัพเวียดมินห์ กับขบวนการปะเทศลาว แต่กลับกลายเป็นว่ายอดเขาสูงชันนับพันๆ ที่กองทัพฝรั่งเศสหวังใช้เป็นเกราะคุ้มภัยนั้น ได้กลายเป็นฐานปืนใหญ่ของกองกำลังเวียดมินห์ที่ใช้เวลาแรมปีในการแยกชิ้นส่วนลำเลียงปืนใหญ่ และกำลังพลขึ้นไปตั้งมั่นบนยอดเขา ปิดล้อมฐานที่มั่นแห่งนี้ของฝรั่งเศสไว้ได้ พร้อมระดมยิงลงมายังที่ตั้งของกองทหารฝรั่งเศสอย่างไม่ขาดสาย จนสามารถเข้ายึดฐานของฝรั่งเศสได้ทั้งหมด นำมาสู่ความพ่ายแพ้ของฝรั่งเศสจนต้องถอนกำลังออกจากเวียดนามเหนือ ถือเป็นการปิดฉากของสงครามอินโดจีนครั้งสุดท้าย (ก๊อปปี้มาคะ.. ไปไหนมาไหนก็ควรรู้สถานที่นั้นๆ นิดๆ ชิมิ๊ๆ)

อนุสาวรีย์ “สู้เพื่อชัยชนะ” อยู่บริเวณวงเวียน
รูปภาพ
รูปภาพ

ภาพทางขึ้นอนุสาวรีย์ “สู้เพื่อชัยชนะ” ถ่ายจากวงเวียน
รูปภาพ
รูปภาพ

จากซ้ายไปขวาเริ่มจากพี่กุย พี่มล พี่ลี พี่เล็ก พี่กบ พี่แดง พี่มาย พี่ดาบ ส่วนพี่เถ้าแก่น้อยเป็นช่างภาพเลยไม่ได้อยู่ในรูป (เดี๋ยวจะหารูปมาลงทีหลังคะ) และพี่ถังเดาว่านอนอุตุอยุ่ที่พัก
รูปภาพ

บริเวณวงเวียน เห็นหลังคาอาคารสีเขียวด้านหลังไหมคะ ร้านทองที่พี่หัวหน้ากบพาไปแลกเงินดองตรงตรงนั้นคะ
รูปภาพ
รูปภาพ

วิวจากอนุสาวรีย์ “สู้เพื่อชัยชนะ” จากในภาพมองไปเกือบสุดถนนด้านขวามือ เห็นตึกหลังคาสีแดงอิฐไหมคะ แถวนั้นแหละคะเป็นบขส.สถานีขนส่งรถ ด้านฝั่งตรงข้ามเป็นที่พี่มายและคณะพัก มีร้านอาหารเยอะแยะสื่อสารกันพอรู้เรื่องคะ
รูปภาพ

ภาพข้างล่างนี้ไม่ได้ไปเพราะเวลาไม่พอ เรามุ่งหน้าไปเมืองลายเลย
รูปภาพ
รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 12 มี.ค. 2018, 11:19, แก้ไขแล้ว 6 ครั้ง
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

เดียนเบียนฟู – เมืองลาย
ตอน1 เดินทางด้วยสองล้อบนถนนเส้นทางถิ่นประวัติศาสตร์

ได้เวลาออกเดินทางล่ะพวกเรา พี่่หัวหน้ากบย้ำมาว่าเริ่มปั่นจากความสูงปัจจุบันที่ 500เมตร จากรูปกราฟความสูงเดาว่าต้องไต่ทั้งวันประมาณ 70กม.จึงพ้นจุดสูงสุดวันนี้คือ 1,141เมตร และไหลยาวลงมาประมาณ 30กม. ถึงเมืองลายที่ระดับ 252เมตร เอาหล่ะ.. ทากิชิ สู้ๆ สู้ๆ

พอปั่นได้สักพักก็เจอเขาเลย การไต่เขาทำเราหลุดกัน แตกเป็นสามกลุ่มตามกำลังขาแข้ง กลุ่มพี่หัวหน้ากบมี พี่ดาบ พี่ป๋อง แต่พี่ป๋องอายุน้อยสุดในคณะยังหนุ่มแน่นไฟแรงส์ ปั่นแป๊ปเดียวก็หายแว๊ปหลุดสายตาทุกคนเลย เดาว่าพี่ป๋องแกยังไม่ได้ผ่านการฝึกวิชาปั่นกินลมชมทุ่งแบบช้าๆ ชิวๆ มักถึงก่อนใคร เช่นวันนี้แกถึงเมืองลายก่อนน่าจะประมาณ 3-4ชั่วโมง จึงหง๋อยเหงาคนเดียว นั่งรอ นอนรอ ยืนรอ เดินรอ เล่นไลน์รอ ตีลังการอ555 ได้ยินเสียงบ่นอุบอิ๊บแว่วๆ ว่าต่อไปนี้จะไม่ถึงก่อนใครแระ นั่งรอนานเกิ้น555

ปั่นทัวร์ริ่งแบบกินลมชมทุ่ง สำหรับคนเคยปั่นเร็วปั่นแข่งมันไม่ง่ายนะ การหัดปั่นอยู่กับกลุ่ม หรือบัดดี้ โดยเอาคนช้าในกลุ่มเป็นหลัก คนปั่นเร็วจึงต้องปรับทักษะการใช้เกียร์เบา ควงขาตามรอบขาตัวเองปกติที่เคยปั่น แต่ควบคุมความเร็วอยู่ระดับเดียวกับคนในกลุ่มให้ได้ตลอดวัน เห็นไหมคะ คนเคยปั่นเร็วทำครั้งแรกไม่ง่ายนะ เดี๋ยวสักพักคงชินหล่ะ ส่วนพี่ถังแกตื่นสาย และรักอิสระขอตามไปทีหลัง


ดูแผนที่ถนนประวัตศาสตร์ละกัน วันนี้เราปั่นแบบนั้นแหละ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

พี่ป๋อง=เถ้าแก่น้อย อายุน้อยสุด ไฟแรงส์ที่สุดในกลุ่ม ชอบถ่ายรูปให้คนโน้นคนนี้ เข้ากับทุกคนได้ดี (โดยเฉพาะคนสวยทาปากแดงๆ 555)
รูปภาพ

พี่แดงเจ้าปัญญา มาดขรึม รู้จักปั่นกินลมชมทุ่ง มักจะได้ยินเสียงยิงแช๊ะๆ แวะเก็บเกี่ยวรายละเอียดวิวและคลิปทุกอย่างครบ
รูปภาพ

พี่เล็กอายุ 60ปีแล้วแต่เข้มแข็ง ไปได้ทุกที่ที่คณะไปถึง ใจดี มีความอึดสูง ว่าไงก็ว่าตาม ไม่สงสัยไม่หวั่นไหวหนทางข้างหน้า
รูปภาพ

พี่ดาบแกเงียบกริบ ตลอดทริปไม่ว่าจะพักอยู่ที่ไหนก็เหมือนแกไม่ได้มาด้วย ระหว่างปั่นแทบจะไม่ค่อยได้คุยกัน
รูปภาพ

พี่มลรอบคอบ แคล่วคล่อง ว่องไว ถึงไหนถึงกัน แน่นอน เก่งทุกเรื่อง อยู่ด้วยมั่นใจ ยกเว้นเรื่องกิน
รูปภาพ

พี่หัวหน้ากบ เป็นผู้นำที่ยิมหวาน อ่อนโยน จริงใจ และมั่นคง เรื่องข่าวสารว่องไวทันกาล ใส่ใจห่วงใยฟังเหตุผลทุกคนในคณะ ยึดหลักปลอดภัยไว้ก่อน รู้พลิกวิกฤตเป็นโอกาสแก้ปัญหาการเดินทาง ทุกอย่างจึงลงตัว ฯลฯ
รูปภาพ

พี่ลีมุ่งมั่น กล้าคิด กล้าทำ เด็ดเดี่ยว ใจถึง แต่ยอมแพ้เรื่องอาหาร555
รูปภาพ

พี่มายคนสวยใจเสาะ โหดเลวดี เรื่องมาก เอาแต่ใจ แย่ทุกเรื่อง 555
รูปภาพ

พี่กุยหล่อใจดี และมีเสน่ห์ เก่งทุกอย่าง ดีพร้อมไม่ขาดตกบกพร่อง (อธิบายในหน้า 3ก็ไม่จบ)
รูปภาพ

พี่หมูชอบกินกะนอนไม่ยุ่งใคร ส่วนพี่ไก่ก็ชวนลูกออกหากินและสอนลูกกุ๊กๆๆทั้งวัน 555
รูปภาพ

พี่ควายขยันขันแข็งทำตามหน้าที่ทุกวัน จึงเป็นที่รักใคร่โปรดปรานของที่นี่ ปั่นไปสังเกตไปว่าไม่มีใครใช้เครื่องยนต์ไถนา
รูปภาพ
รูปภาพ

เด็กที่นี่น่ารักมากคะ คุณจะได้ยินเสียงแจ้วๆทักทายตลอดเส้นทาง
รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 12 มี.ค. 2018, 13:05, แก้ไขแล้ว 6 ครั้ง
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

เดียนเบียนฟู – เมืองลาย
ตอน2 นาขั้นบันไดชาวไทดำ
กลุ่มพี่ลี พี่เล็ก พี่แดงวันนี้เราเฉียดๆ กันได้ เพราะได้ข่าวว่าพี่ลีท้องเสียตั้งแต่อยู่ลาวจึงหมดแรง แกกินอะไรไม่ได้ติดกันมาหลายวัน พี่มายกับพี่มลก็กินอะไรไม่ค่อยได้ตั้งแต่ย่างกายเข้าลาวเช่นกัน ส่วนพี่กุยอยู่ง่ายกินง่ายจึงสบายกว่าใคร แต่พอมาถึงตรงนี้ก็ลืมเหนื่อย ลืมล้า ตื่นตาตื่นใจ ได้สัมผัสทุ่งนาขั้นบันไดสีเขียวขจี สัมผัสได้จากริมทาง ต่างคนต่างแวะยิงแชะๆ เก็บภาพสนุกสนานกันใหญ่ พี่มายไม่มีรูปกับคนอื่น เพราะมัวมัวแต่เจรจาขอแบ่งซื้อกล้วยหนึ่งหวี ที่ชาวบ้านวางใต้ถุนบ้านตัดใหม่จากเครือ แต่ละคนปั่นไปข้างหน้าเพลิดเพลิน ได้ชื่นชมสวยงามของทุ่งนา มองตามต้นข้าวเขียวชอุ่มเป็นทิวแถว จากริมทางที่ยืนอยู่ขึ้นไปที่ละชั้นลดหลั่นกัน ยาวทะลุยาวไปไกลสุดตาสวยงามเกินกว่าจะบรรยาย บางแปลงยาวหายเข้าไปในเวิ้งเว้าของหุบเขาสูงชัน ที่ยืนตะหง่านซ้อนกันซอกแซกตามรูปเขา ลูกโน้นลูกนี้บริเวณนั้น

ความอยากรู้อยากเห็น พวกเราเริ่มปั่นแตกกันกระจัดกระจาย แต่ในระดับสายตามองเห็นกันได้ซึ่งเป็นปกติคะ ความอุดมสมบูรณ์ตลอดปีที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่นี่กระมัง จึงดึงดูดฝรั่งเศสให้ยึดมั่นเป็นที่ตั้งฐานทัพ แล้วพ่ายแพ้ข่าวโด่งดังไปก้องโลก ขอชื่นชมในความฉลาดคนเวียดนาม ผู้มีความสามารถปรับพื้นที่ทำนาขั้นบันได โดยรักษาการกักระดับน้ำแต่ละขั้นๆได้น่าทึ่งจริงๆ ได้มาเห็นกับตาตัวเองแล้วชวนฝันหวาน อยากจะย้ายมาปลูกกระท่อมน้อยปลายนาบั้นปลายชีวิต อยากอยู่เป็นชาวนาถาวรกับคู่ชีวิตตลอดไปเลย

ปั่นผ่านทุ่งนาขึ้นเขาก็เจอทุกคนพร้อมหน้าอีก (ยกเว้นพี่ถังไม่รู้แกอยู่ไหน) เราแวะพักกินสับปะรดวางขายบนพื้นริมทางจากชาวบ้าน กินกันอย่างเอร็ดอร่อย รสชาติหวานอมนุ่มชุ่มคอ กินได้เป็นลูกๆ กินทุกวันก็ไม่เบื่อ คนขายเป็นไทดำ หรือไทยทรงดำ ผู้หญิงเกล้าผมสูงประดับเครื่องเงินดูสวยแปลกตาดีคะ ชาวไทดำกลุ่มนี้มีถิ่นฐานดั้งเดิมอยู่ในเขตสิบสองจุไทเดิม หรือบริเวณลุ่มแม่น้ำดำและแม่น้ำแดงในเวียดนามตอนเหนือ ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ดั้งเดิมของชาวไทดำและชาวไทขาว ปัจจุบันสิบสองจุไท คือจังหวัดเดียนเบียนฟูนี่เองคะ

[youtube]https://www.youtube.com/edit?video_id=I ... rrer=watch[/youtube]

สัปรดรสชาติเอร็ดอร่อยแค่ไหนดูในภาพนี้เลย เห็นพี่ลีกินคนเขียนยังน้ำยายหยั๋ยเองคะ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

ยายกับตาดูลายแทง 555
รูปภาพ

นี่คือทรงผมชาวไทดำสวยไหมคะ เค้าตั้งใจให้ดูทรงผมสวยๆ เก๋ๆ ไปก่อนน๊าา ส่วนหน้าตานั้นอดใจรอตอนต่อไป พี่สนั่น กับพี่ฉลอง สัญญาไว้จะเก็บความสวยมาฝาก
รูปภาพ
รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 12 มี.ค. 2018, 13:35, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

เดียนเบียนฟู – เมืองลาย
ตอน3 ดื่มน้ำชาจากน้ำข้าวโพดต้ม
หลังจากเดิมสับปะรดลงคอตุนไว้ในท้องจนพอใจ ก็ออกปั่นแต่ไม่ไกลกันก็แวะร้านขายข้าวโพดต้ม/ปิ้งริมไหล่ทางอีก พี่มายแทะกลืนกรึบๆ สองฝักรวดเดียวลงคอกักตุนไว้ในท้องจนพุงป่องล่ะคะ ที่ร้านนี้เราได้ความรู้ใหม่เรื่องน้ำต้มเข้าโพด เห็นมีน้ำร้อนในเหยือกดูเหมือนน้ำชาอยู่บนโต๊ะ เราเทแบ่งกันดื่มจนหมด จึงถามขอใหม่ ปรากฏว่าคนขายตักน้ำจากในหม้อต้มโพดมาเสิร์ฟเรา อุ๊ต๊ะ!! อย่างนี้ก็ได้เหรอ ที่เราดื่มนั้นจริงเหรอ หม้อต้มดำปี๋ ข้างในหม้อเหมือนไม่เคยล้าง เห็นผงตะกอนลอยเต็มหม้อ ไม่ต้องผ่านการกรองเหรอ

กว่าจะรู้ตัวก็สายไม่ทันกาลแล้วล่ะ เพราะดื่มอึกๆก่อนหน้าหมดแก้ว คิดว่าน้ำชาอะไรสักอย่าง ไม่สงสัยดัวย555 ซ่างหัวมันเถาะ!! รสชาติก็อร่อยถูกคอดีนะ ชวนกันกรึบๆ ลงคอ สงสัยอะไรไม่ทันกาลแล้ว พ่นยาฆ่าแมลงไหม? ไม่รู้ คนโน้นดื่มได้ คนนี้ดื่มได้ เจ้าถิ่นดื่มได้ มีแรงนั่งปิ้งย่างข้าวโพดยังไม่ตายสักหน่อย ดื่มไปเกิดบ้าพลังปั่นข้ามเขาถึงไวดีเลยหล่ะ 555 และแล้วพวกเราก็จากลาจากตรงนั้น ทิ้งความฉงนใจให้เป็นอดีตไว้ที่นั่น

รูปภาพ

พี่ลี ท้องเสียตั้งแต่หลวงพระบางกินอะไรไม่ค่อยได้ ยังดีที่ถูกปากกับผลไม้ ข้าวโพดต้ม และสับปะรด แท๊ะ! แท๊ะ! แท๊ะ!ข้าวโพดเติมลงไปในท้องตุนไว้ๆ

รูปภาพ
รูปภาพ

น้ำในเหยือกนี่คือน้ำชาที่ว่า พี่มายดื่มๆ ฉีดยาฆ่าแมลงไหม 555
รูปภาพ

นอกจากรักสวยรักงาม กล้วยเป็นของกินนี่แหละคือคู่ชีวิต พร้อมออกเดินทางต่อ อ่าฮ้าาา
รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 13 มี.ค. 2018, 13:44, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

เดียนเบียนฟู – เมืองลาย
ตอน4 คนสวยใจเสาะ เจอกับระเบิดริมถนนถิ่นประวัติศาสตร์ ก่อนถึงเมืองชา
ปั่นต่ออีกสักครู่ ก็ต้องขึ้นเนินลงเนิน โค้งไปโค้งมา ข้าวโพดยังอยู่ตรงคอหอยไม่ลงไปเรียงในท้องดีเลย ก่อนจะถึงตัวเมืองแดดก็เริ่มร้อน ถ้าผ่านเมืองนี้ไปอาจจะไม่มีร่มไม้ข้างทางให้นั่งพักอีก แลเห็นต้นไม้ริมกำแพงปูนทึบยาวด้านขวามือยืนเข้าแถวแผ่กิ่งก้านเขียวชอุ่ม ดูร่มรื่นบนฟุตบาตริมทางข้างหน้า ส่วนฝั่งซ้ายเป็นหลุบทุ่งนาโล่งๆ ก็ชวนกันแวะตรงนี้คงจะสงบเป็นส่วนตัวดี ไกลชุมชนไม่น่าจะมีใครเดินผ่านไปมา มื้อเที่ยงนี้พี่มลอาสาทำกับข้าวกินเอง เพราะแกยังไม่พร้อมกินอาหารประเทศเขา เรามีผักกูดผูกท้ายจักรยานซื้อระหว่างทางผัดกินก่อนเหี่ยว กินเสร็จก็ใส่ผ้าถุงเอวรูดสำเร็จรูป เดินหามุมลับเก็บดอกไม้ เราไม่หวังถามร้านค้าเพราะส่วนใหญ่ไม่มีห้องน้ำ เดาว่าพวกเขาคงเดินเข้าทุ่ง ฝั่งตรงข้ามถนนเป็นทุ่งนา เดินข้ามถนนไปหาที่ลับตานั่งเก็บดอกไม้ดูวิวทุ่งข้าวขั้นบันไดดีกว่า พอนั่งลงก็. อึ๋ยยย์... ตรงนี้ ตรงนั้น ตรงโน้น และโน้นๆๆ ล้วนมีร่องรอยซากกับระเบิดตรึม กลิ่นหึ่งเลย สมกับเป็นกับดักของเมืองสมรภูมิรบ จึงชนะฝรั่งเศสอย่างนี้นี่เอง555 พี่มายกลั้นหายใจรีบเก็บดอกไม้ให้ไว เดินผละออกมา ลำไส้ขดผะอืดผะอมหน้าเบี้ยวข้ามถนนกลับมา

ที่นี่ก็ร้อนระอุนะแต่ร้อนน้อยกว่าลาว แดดยังแรงอยู่ผูกเปลงีบเอาแรงสัก 15นาทีดีกว่า ตื่นมาก็ได้ข่าวจากพี่มลกับพี่กุยว่าที่เราพักอยู่นี่คือหน้าโรงพยาบาล ก็อยากจะไปลองปล่อยระเบิดให้เป็นประวัติศาสตร์ดูบ้าง เดินเข้าห้องน้ำปรากฏว่ามีระเบิด แห้งติดคาฝาชักโครกเกรอะกรังดำปี๋รอบขอบเลย อึ๋ยยยย?.. ระเบิดยิ่งไม่แม่นเช่นนี้มีทุกที่เลยหรือ ไม่ว่าจะในทุ่งหรือห้องน้ำอ่ะ อาหารที่เพิ่งกินยังย่อยไม่หมดแทบพุ่งกระฉูด สยด สยอง บรืออออร์.. เดินมองหาห้องน้ำอื่นอีกก็เห็นมีอยู่ด้านหลังตึกสวย เปิดประตูส่องดูเป็นส้วมแบบนั่งยองๆโล่งๆ ถอดกางเกงนั่งจรวดกำลังโผล่ โอ้แม่เจ้าไม่มีอ่างใส่น้ำ ถ้าจะปล่อยระเบิดที่นี่ จะเอาน้ำที่ไหนราดหว๋า!! ถอนระเบิดเร่งด่วน เปิดประตูออกมา อ๋อ... ถังใส่น้ำอยู่ด้านนอกนี่เอง จึงตักน้ำเข้าไประหว่างกำลังจะวางระเบิด ก็โดนเคาะประตูป้งๆ ตกกะใจระเบิดนี่ผลุบกลับกระทันหันยิงไม่ออกเลย555 เดาว่าเคาะจะเอาขัน เฮ้อ! นี่หรือห้องน้ำของโรงพยาบาล ที่มีตึกใหญ่โตโอ่อ่าสวยงาม

แม่ครัวกับพ่อครัว ทำกับข้าวทีไรพวกเราลำเลียงลงท้องจนหมดเกลี้ยงทุกทีในวิ๊ปตาเดียว
รูปภาพ
รูปภาพ


จากในรูป พี่มายเดาว่านี่คือมื้อกลางวันของพี่ลีพี่เล็กพี่แดง พี่หัวหน้ากบพี่ดาบพี่เถ้าแก่น้อย คงจะแวะกินร้านถัดไปไม่ไกลกันนัก ดูท่าทางพี่ดาบกับพี่หัวหน้ากบดิ่ จ้องกับข้าวประเภทว่าตามัน หน้าตาอาหารก็น่ารักนะ น่าสนนะ555
รูปภาพ

เดียนเบียนฟู - เมืองชา ระยะทางประมาณ 50 กม. น่าจะเลยทุ่งนามาแล้วอยู่ระหว่างกลางเดียนบียนฟูกับเมืองลาย
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 13 มี.ค. 2018, 14:14, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

เดียนเบียนฟู – เมืองลาย
ตอน5 เด็กจอม Hello ทักทายพี่คนสวยใจเสาะ
แดดร้อนแรงแต่แตกต่างจากปั่นในลาว ออกปั่นต่อมีเสียงเด็กร้องทักทาย Hello Hello พี่มายก็ยิ้มมีความสุขทัก Hello ตอบกลับทุกครั้งที่ทักมาเรื่อย เออเด็กประเทศนี้มารยารทดีแฮะ รู้จักทักทายช่างน่ารักน่าเอ็นดู และเป็นมิตรดีแท้ เสียงทักทายที่ได้ยินเห็นตัวบ้างไม่เห็นตัวบ้าง พี่มายก็ชื่นใจ อารมณ์ดีมีความสุข ผ่านบางชุมชนเห็นมีบ้านไม่กี่หลังคาเรือนแต่จำนวนเด็กเยอะจริง หรือว่าเป็นวันหยุดเด่วเช็คปฏิทินก่อน อ๋อวันนี้เป็นวันเสาร์นี่เองถึงว่าทำไมเด็กเยอะจัง เห็นวิ่งเล่นไปมาหน้าบ้านบ้าง อยู่ในหลุบเขาบ้าง บนเนินยอดเขาบ้าง ปั่นผ่านตรงไหนๆ ก็เห็นแต่เด็กตัวน้อยๆ ตัวเขื่องๆ ต่างอายุอยู่ปะปนกัน ตะโกนHelloมา เราก็Helloไป ตอบโต้กันไปมา ค่อยๆม้วนขาไต่เนินของไหล่เขา ลงหลุบเขา ทางคดเคี้ยวเลี้ยวไปมาตามแต่ถนนจะพาไป อะไรประมาณนี้

พอบ่ายแก่ๆ ปั่นไต่เขาชันขึ้นๆ พี่มายก็เริ่มหมดแรงนะดิ เสียงเด็กที่เคยได้ยินว่าไพเราะเสนาะหูมาตลอดเช้านี้นั้น ตอนนี้กลับรำคาญหูสุดๆ รู้ไหมอะไร.. กลายเป็นว่าพี่มายกลัวโดนทัก Hello ยิ่งช่วงไต่เขาชันกว่าธรรมดา ช่วงที่ทำความเร็วยืนพื้นแค่ 5กม./ชม. วันนั้นทั้งวันทำไมเด็กๆ รอจ้องทักทายเหมือนรู้เราจะผ่านมา อ๋ออ.. น่าจะเพราะว่าเห็นพวกเราที่ไปก่อนหน้านั่นเอง นึกเองอ๋อเองคนเดียวอีกแระฮ่าๆ แก้ปัญาหารำคาญนี้โดยซุ่มปั่นแบบเงียบกริบไม่ให้เด็กได้ยินดีกว่า.. จุ๊จุ๊.. คนอ่านเงียบด้วยนะอิอิอิ.. ม้วนขา ควงบันได ไปเงียบกริบ.. “ Hello! Hello!” ว๊ากกก!!.. หนี หนี หนี.. อ้าว ป้า จะ หนี ไป ไหนนน รอด ความ เร็ว สูง สูด ที่ ป้า ปั่น ได้ แค่ 5 เอง นะ ป้า ฮ่าๆ ฮ่าๆ พ่อเทวดาน้อยเอ๋ย.. ป้าคนนี้หมดแรงทักแย๊ว ขอทำสมาธิปั่นไต่เนินเขาชันนี้อย่างสงบๆ เถอะพ่อคู๊ณ ป้าขอเวลานอกหนีแผล๊บ เด็กพวกนี้ไม่ได้ยินป้าตอบคงคิดว่าป้าไม่ได้ยิน ก็ยิ่งตะโกนตามดังขึ้นๆ โอ้ยยยย... ตายๆ.. ไต่เขาต่อไหวไหมนี่ มุ่งมั่นประคับประคองความเร็วคงที่ รวบรวมลมปราณเฮือกสุดท้ายม้วนขาดันบันไดถีบไต่เขาฮึบ ฮึบ 1.2.3... 1.2.3... 1.2.. 1...
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 13 มี.ค. 2018, 15:09, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

เดียนเบียนฟู – เมืองลาย
ตอน6 พี่คนสวยใจเสาะโบก โบก โบก

เขาอะไรชันปานนี้ ไต่ตั้งแต่เช้ายันบ่าย ปั่นไม่แข็งทำได้ดีสุดแค่ใจต้องเย็น ใช้เกียร์เบาม้วนขากดบันไดไต่เขารักษารอบขาคงที่ ม้วนขาซ้ำๆ ซ้ายขวาๆ ซ้ายขวาอยู่อย่างนั้นกี่วันมาแล้วไม่รู้ รู้แต่ว่าทุกวันและทั้งวันนะแหล่ะ ออมแรงไว้ไม่ให้ร่างกายเหนื่อยล้าสะสมช่วง ปั่นได้ประมาณจะถึง 70กม. ความเร็วส่วนใหญ่แค่ 5-7กม./ชม. กว่าจะขึ้นผ่านจุดสูงสุดที่ 1,141เมตร ตรงนี้ก็ห้าโมงเย็นกว่าๆ บรรยากาศกำลังจะมืดเหลืออีกเกือบ 30กม. เกิดนึกเกรงใจพี่มลพี่กุยในใจ ถ้าเขาสองคนปั่นกันเอง ป่านนี้คงถึงที่พักนานหลายชาติแล้ว จึงชวนเขาว่าพี่มายเหนื่อยแล้วจะขึ้นรถไหม เขาสองคนยืนยันอยากปั่นต่อ งั้นพี่มายโบกรถไปดักที่พักเลยนะ อีกอย่างมันก็ใกล้ถึงช่วงไหลลงยาวเกือบ 30กม. ก็ถึงเมืองลายเป้าหมายนอนคืนนี้แล้ว

ปลดกระเป๋ายืนรอโบกรถ ไม่นานรถตู้ขนาดประมาณ 15ที่นั่งวิ่งปรู๊ดมา เหมือนรถตู้ในบ้านเราคะ ฝั่งหนึ่งสองที่นั่ง ส่วนอีกฝั่งนั่งคนเดียว ตรงกลางเว้นที่ว่างนิดหนึ่งพอเดินไปมาได้ จักรยานพี่มายถูกผู้โดยสายช่วยยกขึ้นยัดใส่ตรงทางเดินในรถเลย นั่งเบียดๆกันไป คนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า นั่งแบบนั้นแหละคะ ข้างในรถสะอาดสะอ้านเบาะไม่มีรอยขีดข่วนหรือฉีกขาด ผิดกับนิสัยที่เขาชอบยัดๆ โยนๆ วางของแออัดเบียดกันอย่างไม่ระมัดระวัง ห่างจากจุดขึ้นรถไปประมาณ 2กม. ก็เห็นพี่ลีก้มหน้าก้มตาปั่นไม่มองอะไร ถัดไปอีกหน่อยก็เห็นพี่แดงจอดจักรยานยืนอยู่ แกดันมองเข้ามาในรถจ๊ะเอ๋เห็นพี่มายอีก555 ว่าจะแอบไปถึงก่อนแล้วจ๊ะเอ๋สักหน่อย


แวะหาน้ำตกไหลเย็นตามรายทาง ล้างหน้าเอาแรงไปเรื่อยๆ ความชันต่อเนื่องต้องใช้จานเล็กไต่เขาทำให้ล้าแข็งขา และทำระยะล่าช้า
รูปภาพ
รูปภาพ

มิตรภาพของพี่มลพี่กุย ความดีประทับใจไม่รู้ลืม
รูปภาพ

ระหว่างไต่เขาชันขึ้นๆ มัวนขาดันบันไดกระดึ๊บๆ กว่าจะผ่านไปแต่ละคืบ เป็นฟุต เป็นกิโล และหลายกินโล ทั้งวัน มีช่วงหนึ่งตาแว๊บเห็นแม่ค้าวางมันแกวขายริมทาง ก็นึกอยากกิน ยังไม่ทันเบรคก็ไหลลงเขาวิ๊วๆ ยั้งไม่อยู่แย๊ว นี่ก็อีกหนึ่งประทับใจพี่มลกับพี่กุย ตามมาทันกับข่าวดีว่าได้มันแกวจะกินไหม โอววววว์.. ก็อยากได้ยินอะไรๆ เสนาะหูแบบนี้แหละ นางช่างดีเยี่ยม
รูปภาพ

หนู่เหนื่อยและล้าหล่ะคะ หน้าบ้านใครไม่รู้ขออนุญาตนอนกินมันแกววิเศษริมถนนตรงนั้นนี้นะคะ จะมีใครอิจฉาไหมนะ นอนติดร่องระบายน้ำริมทางนอนปุ๊ปได้กลิ่นน้ำทิ้งปั๊ป และเหม็นกลิ่นขี้สัตว์เลี้ยงทั่วไปตุๆ แต่ช่างเถอะหลังติดพื้นแล้ว ทั้งแพะ ทั้งแม่ไก่ ลูกไก่เดินเฉียดหัวใกล้ สะสมหมัด สะสมเห็บ กลับไปฝากคนที่บ้านซะเลยดีไหม555
รูปภาพ
รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 13 มี.ค. 2018, 16:06, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

เดียนเบียนฟู – เมืองลาย
ตอน7 ปั่นตามหาพี่เถ้าแก่น้อยคนเดียวในความมืดที่ เมืองลาย

ไม่นานก็ถึงเมืองลาย คนขับรถใช้ภาษามือสื่อสาร ประมาณว่าให้ลงตรงหัวสะพานนี้ รถจะวิ่งข้ามสะพานแม่น้ำดาไปทางโน่น คุณต้องลงตรงนี้ พยักหน้าโอเค คนพลุกพล่านเดินผ่านไปมา มองพี่มายแบบสายตาสงสัย รีบโหลดกระเป๋าใส่จักรยานให้ไวดีกว่า อยู่ตรงนี้นานไม่ดีแน่เราคนต่างแดน มาต่างถิ่นคนเดียวอย่าเป็นจุดสนใจ ติดต่อพี่เถ้าแก่น้อย โน้นนน.. แกไปนั่งรอตามพิกัดอยู่อีกสะพานห่างจากจุดนี้เดาว่าประมาณ 4กม.

ปั่นเลาะถนนตามริมแม่น้ำดา แต่ถนนที่พี่มายปั่นอยู่นี้ขนานกับถนนเรียบแม่น้ำดาด้วยนะ แต่เป็นเส้นบนไหล่เขาสูงกว่าหลังคาบ้านคน ซึ่งปลูกแออัดเบียดกันหนาแน่นบนพื้นที่จำกัด อยู่ในหลุบเขาตามแนวเรียบริมแม่น้ำข้างล่างคะ ปั่นขึ้นเนินลงเนินไม่ชันมากเท่าไหร่ ไหลไปตามโค้งเขาสักพักก็เจอสะพาน สะพานนี้ดูใหม่กว่าสวยกว่าและยาวกว่าสะพานแรก ไม่ค่อยมีรถสัญจรไปมา ข้ามไปถึงปลายสะพานบรรยากาศเริ่มโพล้เพล้ บ้านคนปลายสะพานฝั่งนี้ไม่มีเลย เถ้าแก่น้อยให้เลี้ยวขวาตรงไปประมาณ 250เมตรทางขึ้นอยู่ด้านซ้ายมือ ตั้งแต่ออกปั่นจากสะพานแรกมาไม่มีผู้คน หรือรถวิ่งสวนไปมา ผ่านบ้านคนมีอยู่แค่หลังสองหลังนอกนั้นว่างเปล่า เพิ่งหัวค่ำเมื่อกี้นี่เองทำไมมืดเร็วจัง หากใครอยู่คนเดียวในความว่างเปล่ากับบรรยากาศกำลังจะมืด ในถิ่นที่ไม่คุ้นเคยทำให้รู้สึกวังเวงเช่นกันแหละคะ

ตรงไหล่ทางเป็นตีนเขา เห็นทางเข้าชันขึ้นที่พักข้างหน้าก็ปั่นช้าๆ สายตามองตามทางเลี้ยวขึ้นเขา ประเมินว่าน่าจะเป็นโค้งหักศอก ก่อนถึงโค้งเห็นป้ายชื่อที่พักเก่าๆ ขาดวิ่นหล่นริมไหล่ทางดูเหมือนถูกทิ้งร้างไว้อย่างนี้นานแล้ว นอกนั้นไม่เห็นอะไร พอพ้นเลี้ยวโค้งมันหักมุมขึ้นเขาแนวชันดิ่งทันทีเลย ส่องไฟจักรยานดูทางข้างขึ้นหน้า ถึงกับผงะ! ประเภทว่าถ้าปั่นขึ้นมีกระเป๋าถ่วงหลังแบบนี้ละก้อ ล้อ 700CC ของพี่มายตีลังกาหงายหลังแน่ มือซ้ายมือขวานี่พัลวันรีบเข้าเกียร์ฉุกละหุก ไปได้แค่สองเมตรก็แป๊ก ยืนขากดบันไดไม่ลง ทรงตัวไม่อยู่ล้อลอย แทบกระโดดลงไม่ทัน แม้แต่จูงก็ไม่ไหวโชคดีพี่เถ้าแก่น้อยลงมาช่วยทันกาล น่าจะประมาณ 400เมตรนี่แหละคะ

พอขึ้นได้ก็ถามไถ่พี่เถ้าแก่น้อยคร่าวๆ ได้ความว่าพี่เถ้าแก่น้อยถึงเมืองลายเกือบ 4ชั่วโมงแล้ว แกปั่นวนดูตามพิกัดที่พักนอนน่าจะเป็นจุดนี้ นี่ก็ค่ำมืดแล้วยังไม่ได้ที่พัก รีบตรงไปติดต่อพนักงานต้อนรับที่เค้าเตอร์ทันที ซึ่งยรรยากาศดูทึมๆ เปิดไฟริบหรี่แค่ดวงเดียว เจ้าหน้าที่หญิงพาเดินขึ้นเนินไปดูห้องพักซึ่งอยู่คนละที่อีกบริเวณ ภายในห้องพักห้องสวยสะอาดสะอ้าน จัดเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนไม่ค่อยมีใครมาพัก วิวสระน้ำทุกห้อง มองดูบริเวณโดยรอบท่ามกลางความสว่างรำไร เห็นเป็นเงาเนินขึ้นๆ ลงๆ เดาว่าเห็นกลางวันสวยนะ แต่เงียบกริบวังเวงมันยังไงไม่รู้ ถ้าโรงแรม หรือสีสอร์ตในบ้านเรา ใครได้ครอบครองภูเขาลูกนี้ ไม่ว่าธุรกิจขนาดเล็กใหญ่คงจะเปิดไฟสว่างพรึบ ให้ลูกค้ามีความสุขดื่มด่ำบรรยากาศธรรมชาติยามค่ำคืน

ความเห็นส่วนตัวพักตรงนี้ก็ไม่สะดวกแน่ๆ ทางขึ้นลงอันตรายมันชันเกินไป และตั้งอยู่โดดเดี่ยวบนยอดเขา แม้แต่จะเดินเข้าห้องพักก็ต้องเดินขึ้นเขา อาหารการกินประเมินดูแล้ว ถ้าไม่จองล่วงหน้าก็ไม่มีกิน นี่ก็จะดึกแล้วยังไม่ได้ที่พัก รีบโทรติดต่อพี่หัวหน้ากบเล่าให้ฟัง แกให้กลับไปที่เดิมตรงที่พี่มายลงรถมีที่พักว่างอยู่ ปั่นย้อนกลับไปถึงก็ดีใจเห็นทุกคนมาถึงกันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว พวกเราก็เข้าไปจองห้อง (เมืองลายมีโรงแรมแบบเดียวกันนี้ประมาณ 3แห่งเท่านั้น วันนั้นเราพักที่นี่ "ดึกตันโฮเต็ล" อยู่ใกล้หัวสะพานข้ามแม่น้ำดา)

การติดต่อสื่อสารกับคนที่นี่ไม่รู้เรื่องกัน มันเป็นยังงี้มาตั้งแต่ข้ามด่านมาแระคะ คุยไม่รู้เรื่องกันจริงๆ เช่นที่นี่พวกเราอยากได้ห้องสามเตียง การเจรจาสื่อสารเข้าใจกันดี เขาพยักหน้าโอเค แต่การโอเคนี้ทำให้พี่มายที่เหนื่อย และหิวอยู่แล้วทวีคูณเป็นสองเท่า ไม่อยากขยับกายเดินไปไหนอีก ยกกระเป๋าสัมภาระพะรุ่งพะรังจากเค้าเตอร์ขนขึ้นไปชั้นสาม แล้วขนกลับลงมาเค้าเตอร์อีก สื่อสารกันใหม่อีกรอบ และขนขึ้นไปชั้นสองอีกทีฮ่าๆ ฮ่าๆ ใช้ทั้งภาษาอังกฤษ/ไทย/ลาว ภาษากาย ภาษาใจ ภาษามือขุดขึ้นมาใช้จนหมดแม๊ก ก็สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง เขาเองที่โง่ หรือพี่มายเองที่โง่ หรือว่าต่างคนต่างฉลาดกันแน่ สงสัย สงสัย555 เอาเป็นว่าเราฉลาดทั้งสองฝ่ายหล่ะคะ กว่าจะได้เข้าห้องคงร่างกายบึกบึนขึ้นหล่ะ จักรยานก็โดนเจ้าของโรงแรมเรียกเอาไปล๊อคกุญแจรวมกันไว้หมดทุกคัน ทั้งๆที่อยู่ด้านในนะ นอกจากปัญหาการสื่อสารแล้ว ที่นี่มีขโมยเยอะหรือไงนะ

หมู่บ้านริมแนวแม่น้ำดาเมืองลายระหว่างปั่นไปอีกสะพาน
รูปภาพ
รูปภาพ

บนเขาปลายสะพานด้านขวามือเห็นเป็นตึกขาวๆไหมคะ นั่นแหละคือจุดที่พี่เถ้าแก่น้อยนั่งรออยู่ ยังไม่มืดใช่ไหมคะแค่ข้ามไปมืดแระคะ
รูปภาพ

วิวจากบนสะพานถ่ายย้อนกลับไปจากที่ปั่นมา
รูปภาพ
รูปภาพ

พอขนสัมภาระขึ้นห้องได้ ก็รื้อของออกจากกระเป๋าทั้งหมดวางกระจุยกระจาย เกะกะเต็มห้องรกภายในหนึ่งนาที พี่มลเห็นทีไรก็มักจะหัวเราะขำทุกทีเรื่องทำห้องรกฉับไวของพี่มาย พี่มายชำนาญประเภทนี้มีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแระคะฮ่าๆ ฮ่าๆ แต่หลังจากนั้นพวกเราสามคนก็ชำนาญกลมกลืนเหมือนกันจนได้
รูปภาพ

หลังอาบน้ำออกไปหาอะไรกินก็ไม่ทันร้านปิดหมด แวะร้านสะดวกซื้อได้มาม่าถ้วยมาต้มกินคิดว่านี่แหละมือกันตายรสเด็ด แต่ไม่ใช่อย่างที่คิดผิดหวังอย่างแรง รสชาติไม่ถูกปากตั้งแต่คำแรก กลืนฝืดติดคอ ก็ลงเอยด้วยต้มข้าวต้มซองที่พกมาด้วยกิน ตั้งแต่เดินทางมาพวกเราไม่ได้กินดีอยู่ดีมีประโยชน์ จะเอาแรงที่ไหนปั่นต่อน้อคะ ปัญหากินอาหารบ้านเมืองเขารสชาติไม่ถูกปากตั้งแต่ข้ามแดนด่านลาวแล้ว วันนี้เป็นเป็นผจญภัยอันยาวนานล้าแระคะ ซักผ้าตากก่อนนอนดีกว่า
รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 13 มี.ค. 2018, 18:25, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

ความรู้ทั่วไปเมืองลาย
เมืองลายเป็นเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ในหุบเขาสวยที่ธรรมชาติบรรจงแกะสลักจากเทือกเขาอันงดงามคดเคี้ยวเลี้ยวลดไปตามริมแม่น้ำดา เมืองนี้ในอดีตเคยประสบความสำเร็จอย่างมากในการเก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตรเช่น ฝิ่น แน่นอนไม่จำเป็นต้องพูดเลย การเก็บเกี่ยวฝิ่นไม่ได้เป็นที่โปรดปรานกับรัฐบาลจึงถูกปราบปราม ประชาชนตกอยู่ในสภาวะยากลำบากหันมาทำอุตสาหกรรมค้าไม้ แค่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาป่าไม้บนภูเขาลดลง เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมอย่างรวดเร็วประมาณ 140 คนเสียชีวิตในปีพ. ศ. 2533

เหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงที่แม่น้ำดาซึ่งไหลลัดเลาะลงจากเขาชันผ่านหุบเขาแคบเพิ่มความรุนแรงยิ่งขึ้น ในปี 2539 ทำให้ประชาชนเสียชีวิตอีก 100 คนและน้ำท่วมครานั้นตัดถนนทั้งหมด คนเข้าออกเมืองไม่ได้เป็นเวลาสองเดือน ซากปรักหักพังของห้องโถงวัฒนธรรมเก่าที่เคยถูกน้ำท่วมสามารถมองเห็นได้ในใจกลางเมือง ดูเหมือนว่าน้ำท่วมครั้งล่าสุดนี้จะกลายเป็นข้อดีของชาวเมืองลาย รัฐบาลสร้างเขื่อนขนาดใหญ่อยู่เหนืออ่างเก็บน้ำดา (Song Da) และที่นี่กลายเป็นสถานีไฟฟ้าพลังน้ำที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค

ในอนาคตถ้าน้ำท่วมอีกพวกเราอาจจะมีวิธีเดียวที่จะกลับไปเยี่ยมชมเมืองลายได้ คือปั่นจักรยานดำน้ำไปไหมคะ ฮ่าๆฮ่า การอยู่ใต้น้ำอย่างน้อยก็จะช่วยให้เย็นลงนะ จริงม๊ะ น่าแปลกใจอีกอย่างในฤดูร้อนที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ร้อนแรงที่สุดในเวียดนาม อุณหภูมิในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมสามารถทะยานสูงถึง 40C รู้ยัง?

[youtube]https://www.youtube.com/edit?o=U&video_id=9P-w9urAk4s[/youtube]
รูปภาพ
รูปภาพ

ถ่ายรูปจากถนนเส้นไหล่เขาที่สูงกว่าหลังคาบ้าน
รูปภาพ

สถานีไฟฟ้าพลังน้ำ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 13 มี.ค. 2018, 18:30, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง
รูปประจำตัวสมาชิก
Chanchai2071
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 76
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2013, 16:53
Tel: 0899444408
team: ชมรมบ้านผือ
Bike: Mjbikeh

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย Chanchai2071 »

คุณมายและคุณลีเขียนเล่าเรื่องชวนติดตามมากครับ ขอชื่นชมในความสามารถทั้งการปั่นและการเขียน
ติดตามนะครับ และขอขอบคุณที่นำเรื่องมาเล่าให้ฟัง
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

ขอบคุณคุณชาญชัยที่แวะมาทักทายคะ ความจริงมายปั่นไม่ได้เรื่อง แต่ถนัดขี้โม้คะ ช่วงนี้มีธุระบ่อยห่างหายไปเป็นอาทิตย์ วันนี้มีเวลาจะมาโม้ความแย่ของตัวเองต่ออีกสักนิด. คุณชาญชัยสบายดีนะคะ
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

15 เมษายน “เมืองลาย – พงโท”
ตอน1 :ข้าวต้มของเราวิเศษกว่าใคร
เช้านี้ที่เมืองลาย ตื่นสายและอ้อยอิ่งไม่รีบเหมือนวันก่อน เพราะตอนหัวค่ำพี่หัวหน้ากบบอกในสิ่งที่ถูกใจ ฟังแล้วเหมือนกับว่าวันนี้พวกเราจะปั่นดีกว่าวันไหนๆ เราจะปั่นสบายๆ เรียบแม่น้ำทั้งวัน ไม่มีเนินชันมาก เริ่มจากเมืองลายความสูงกว่าระดับน้ำทะเลที่ 162-364เมตร ระยะทางประมาณ 76กม. จัดการเรื่องกินก่อนดีกว่า เราตกลงกันว่าจะต้มข้าวต้มขาวกินกันที่ห้อง เห็นแล้วว่าข้าวต้มของเราวิเศษกว่าข้างนอกนั่นแน่ๆ ตั้งแต่เห็นความเป็นอยู่ที่สกปรกในครัว พวกหม้อไหจานชามที่เขาวางบนพื้นเมือกโคลนแฉะๆ เหนียวแหยะๆ เดาเอาเองว่าอยู่อย่างนั้นคงไม่เคยลาดน้ำล้างพื้นทำความสะอาดเลย ก็เข้าใจนะว่าเขาคงเคยชินกับวิถีชีวิตแบบนั้นเป็นปกติ

ข้าวต้มที่เราคิดว่ามันวิเศษของทริปที่นี่คือ เรามาถึงจุดกินอาหารเขาไม่ลงคอ เพราะตาเห็นภาพส่งไปแสกนยังสมอง และคำนวณแล้วว่าไม่ถูกสุขอนามัย เป็นอันตรายต่อสุขภาพเกิดติดเชื้อจากอาหาร หรือเป็นไรขึ้นมา ค่ายาหาหมอแต่ละครั้งแพงจะตาย ทำเองถึงจะกินแค่ข้าวขาวเปล่าๆ ทุกวัน ก็มั่นใจว่าสะอาดกว่ากินข้างนอก แค่เทข้าวลงหม้อต้มในน้ำเดือนฆ่าเชื้อทุกโรค กินง่าย สบายท้อง กินบ่อยแค่ไหนก็ไม่เคยเบื่อ กินได้เร็วดังใจ ไม่รีรออะไรแย๊ว! กรอกลงคอกลืนกรึกๆ แค่หนึ่งนาทีสองนาทีก็หมดชามอิ่มพุง ไม่ต้องห่วงทันเวลานัดกับกลุ่มแน่นอน

การเป็นนักปั่นทัวร์ริ่ง ต้องชินการเป็นอยู่กับความเร่งรีบ กินอยู่แข่งกับเวลา ต้องเกรงใจกลุ่มถ้าเราช้า จากที่ผ่านมาจนถึงเดี๋ยวนี้ ถึงเวลากินต้องกิน จะหิวหรือไม่หิวก็ต้องรีบกิน เพราะเราไม่รู้หนทางข้างหน้าจะมีอะไรให้กินไหม จึงเคยชินกินแบบตะกระตะกรามไม่มีมารยาทหญิงหล่ะคะ กระวีกระวาดเก็บของที่รื้อวางกระจัดกระจายตั้งแต่มาถึงเมื่อวาน แทบไม่น่าเชื่อว่ามันลงกระเป๋าเข้าที่เข้าทางในพรึบเดียวอย่างชำนาญไม่เสียเวลาเลย ก่อนออกนอกห้องมองสำรวจแสกนหาของอาจมีหลงลืม หลังจากนั้นก็หัวเราะชอบใจในความเป็นเรา พี่มายมักจะยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากก่อนจากมาทุกที่ และคืนห้องเรียบร้อยปกติเช่นตอนเดินเข้ามา ยกเว้นเกือบลืมเสื้อผ้าที่ผึ่งตากนอกห้อง ยังไม่แห้งมันยังเปียกชุ่มอยู่ ก็ให้นึกอ๋อออ.. เดินทางตั้งกว่าอาทิตย์ดันลืมใช้เครื่องปั่นหมาดไปได้ไงนะ พกมาด้วยแต่ไม่เคยได้ใช้ พรุ่งนี้จะขุดเอามาทดลองใช้บ้างหล่ะ


ลายแทงแสดงความสูงลักษณะเนินขึ้นๆ ลงๆ ที่พี่หัวหน้ากบว่าปั่นสบายๆ โอ้แม่เจ้าดูรูปยอดกราฟแหลมๆ ถี่ๆ ขึ้นๆ ลงๆ ดิคะพี่น้อง มันโหดดดด... ทรมาณกว่าที่บอกว่าปั่นสบายๆ ไหมคะนั่น! คนสวยใจเสาะตายๆ ตายแน่ๆ
รูปภาพ

นี่คือหม้อหุงข้าวที่พกมาด้วย ขนาด 0.6ลิตร กินสามสี่คนก็ไม่หมด ถ้าเดินทางแบบไม่กางเต๊นท์คิดว่าพกตัวนี้มาสะดวกกว่า แค่เสียบปลั๊กก็มีเวลาเหลือเฟือทำโน่นนั่นนี่ระหว่างรอข้าวสุก และสามารถหุงข้าวตุนไปกินระหว่างทางวันรุ่งขึ้นไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีอะไรกิน วันก่อนไปเดินห้างสรรพสินค้าเห็นมีรุ่นเล็กกว่านี้ด้วยคะ
รูปภาพ

นี่คือเครื่องปั่นหมาดที่พูดถึง เป็นผ้าชามัวร์สังเคราะห์ ผ้าเช็ดรถ ผ้าเช็ดผม ผ้าเช็ดตัวสุนัข ผ้าดูดซับน้ำ สารพัดประโยชน์จริงๆ และมันมากับกล่องใส่กันเปียกเบาเหมาะกับนักปั่นที่เร่งรีบอย่างเราจริงๆ ถ้าไม่มีตัวนี้ช่วยตื่นมาทุกเช้าผ้าจะไม่แห้งแน่คะ วิธีใช้เอาผ้าชามัวร์ห่อเสื้อผ้าที่เราซักเสร็จแล้ว ห่อทีละตัวนะแล้วบิดไล่น้ำออก เสื้อผ้าแห้งหมาดทันใดเลย ราคาแค่ร้อยกว่าบาทเองพกไว้ติดกระเป๋าเถอะคะ
รูปภาพ

และนี่อีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือ ถุงตาข่าย มันเบาพกพาง่าย ใช้ใส่เสื้อผ้าที่เราตากข้ามคืนไว้ยังไม่แห้งในตอนเช้า แก้ปัญหาหล่นหายระหว่างทาง ตากเสื้อผ้าจุกจิกหลายชิ้นในถุงเดียวไม่ปลิวระว่อน กระจัดกระจายบนท้ายจักรยาน แขวน และเก็บได้ง่ายด้วย อ้ออ..อีกอย่างพี่มายพกไม้แขวนเสื้อได้ด้วยนะ สะดวกจริงๆ
รูปภาพ

นี่อีกสิ่งที่สะดวกรวดเร็ว เหมาะกับทริปนอนโรงแรมเพราะมีไฟฟ้าทุกที่ น้ำหนักเบา ราคาประหยัดประมาณสองร้อยกว่าบาท คือเครื่องทำน้ำร้อนชงกาแฟ เสียบปึ๊บร้อนปั๊ปเร็วทันใจ จิ๊กโก๋ต้องไปถอยมาลองเองหล่ะคะ ที่พกมาทั้งหมดนี้เหมาะกับการเดินทางกับบัดดี้ที่นอนห้องเดียวกันนะ เบาก็จริงต้องช่วยกันแบกขนไป
รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 13 มี.ค. 2018, 19:05, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

16 เมษายน “เมืองลาย – พงโท”
ตอน2 :เช้านี้เจอกันที่หัวสะพานนะ
ออกจากห้องพักมาหยุดรถที่หัวสะพาน ปั่นวกไปวนมามองหากลุ่ม น่าจะทานข้าวเช้าที่ไหนสักแห่งแถวนี้แหละ บริเวณโดยรอบตรงนี้ไม่มีร้านอาหารสักร้าน นี่ก็หัวสะพานตามนัดนี่นา คงไม่ใช่นัดกันที่หัวสะพานนอกเมืองหรอกนะ เด่วลองข้ามสะพานไปอีกฝั่ง อ๋อ.. เจอจักรยานจอดเป็นกลุ่มอยู่หัวสะพานอีกฝั่ง

เดินเข้าไปในร้านดูสะอาดสะอ้านกว่าร้านที่เคยแวะ กวาดสายตาดูโดยรวมไม่น่าจะสกปรก ของที่วางบนโต๊ะเส้นขาวๆ คล้ายเส้นขนมจีน จะใช่เส้นขนมจีนที่ชอบกินไหมน้อ ก็ถามนะแต่สื่อสารกันไม่เข้าใจ จึงไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร มีผักสดเป็นเครื่องเคียงดูน่ากินคงจะอร่อย แต่ไม่อยากชิมยังอิ่มข้าวต้มที่กรอกกรึบๆ อย่างรวดเร็วลงคอสะสมไว้เต็มพุงเมื่อตะกี้นี่อยู่เลย ใครมีโอกาสตามไปร้านนั่นทีหลังฝากชิมเรื่องนี้ด้วยนะคะ พวกเรามาพบกันพร้อมหน้าก็ออกเดินทางเลย โดยข้ามสะพานย้อนกลับไปทางเดิมที่เราพักเมื่อคืน ปั่นผ่านที่พักเลขขึ้นเนินประมาณ 10เมตร เลี้ยวซ้ายไปทางทิศเขื่อนผลิตไฟฟ้า ที่พี่มายปั่นตามหาเถ้าแก่น้อยเมื่อวาน มุ่งหน้าไปเมืองพงโท

รูปนี้ถ่ายจากหัวสะพานฝั่งร้านอาหารตรงข้ามหน้าตึกห้องพักคะ
รูปภาพ

เจอกลุ่มแระคะ พวกเขามาซุ่มกินอาหารอร่อยๆ เติมพลังที่นี่นี่เอง
รูปภาพ

เห็นตึกสีเขียวด้านขวามือนั่นไหมคะ ชั้นสองพี่มายนอนเมื่อคืน
รูปภาพ

รูปนี้ถ่ายจากหัวสะพานหน้าร้านอาหารถ่ายรูปย้อนกลับไป เห็นตึกขาวๆอยู่ขวามือนั่นไหมคะ ที่นั่นคือเราพักเมื่อคืน ส่วนบนเนินเลยขึ้นไปด้านซ้ายมือคือทิศทางที่เราจะปั่นไปพงโทวันนี้คะ
รูปภาพ

แม่น้ำดาที่เห็นวันนี้ดูแห้งลงไปเยอะ เดาไม่ออกเลยว่าเคยถูกน้ำท่วมอย่างรุนแรงมาก่อน
รูปภาพ


บรรยากาศหน้าร้าน ถึงจะแพ๊คของลงกระเป๋าเรียบร้อยเข้าที่เข้าทางแล้ว ก็ยังมีการเปิดเอาโน่นเอานี่ เรื่อย แม้แต่มายเองก็จำไม่ได้แระคะว่ากระเป๋าข้างไหนใส่อะไรไว้ ขอบคุณพี่เล็กมากที่รื้อยาให้
รูปภาพ

เจอพี่ลีทีไรแกก็จะยิ้มหวานสดใสส่งให้ตลอด ดูยิ้มหวานๆของพี่ลีดิ่คะ คิดดูว่าคนมองจะสุขใจแค่ไหน และรอยยิ้มนี้มันเป็นกำลังใจปั่นมีความสุขทั้งวันได้ใช่ไหมคะ
รูปภาพ

เถ้าแก่น้อยก็อิ่มแล้ว และแกก็ชอบโชว์นิ้วโอเค เมื่อแกพร้อมที่จะเดินทางแล้ว
รูปภาพ

มายจำไม่ได้ว่าต้องการอะไรจากพี่เล็ก แกก็ใจดีไปรื้อกระเป๋าหาออกมาให้จนได้ ขอบคุณมากคะ
รูปภาพ

ในรูปเห็นสองสาวอารมณ์ดีกำลังทอดอะไรในกะทะร้อนๆ ดูเหมือนเต้าฮู้ไหมคะ ถามพี่หัวหน้ากบแกบอกว่ามันน่าใช่เต้าฮู้ทอด ส่วนอีกอันคล้ายๆ ปอเปี๊ยะ มีน้ำจิ้ม 2 แบบ น้ำจิ้มแบบหวาน กับแบบน้ำปลาร้า ด้วยความไม่เข้าใจเลือกแบบน้ำปลาร้า พวกแกต้องจำใจกิน ได้แต่มองดูเขากิน เสียดายพี่มายไม่ชิมเองไม่นึกอยากชิมเลยไม่รู้รสชาติ ขณะเขียนก็นึกสงสัยรสชาติอยากกลับไปร้านนั่นอีกจัง
รูปภาพ

หั่นเป็นท่อนๆ บรรจงวางอย่างพิถีพิถันบนเส้นคล้ายขนมจีน ดูสวยงามน่ากินไหมคะ
รูปภาพ

กินไปก็ประหลาดใจไป รสชาติแบบน้ำหมัก? รสชาติแบบบูดู? น่าจะประมาณนี้ สงสัยก็ถามกันเอง งงกันเอง ถามแม่ค้าว่านี่อะไร นั่นอะไร เราสื่อสารกันเข้าใจกันดีทั้งสองฝ่ายไม่เข้าใจกันอีกแล้วคะ ต่างฝ่ายต่างถามตอบภาษาตัวเองแล้วก็ยิ้มให้กันและพยักหน้างึกๆ แต่สรุปแล้วว่าเราก็ไม่รู้มันคืออะไรอยู่ดี 555
รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 13 มี.ค. 2018, 19:35, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
ตอบกลับ

กลับไปยัง “สรุปทริป / รายงานการปั่น”