อินทนนท์คนพันธุ์อึด#10 : การเดินทางด้วยรถทัวร์ - จักรยาน - สองเท้า และมือโบก



รายงาน/รูป "สรุปทริป" จากที่ได้ปั่นมา
รูปประจำตัวสมาชิก
ตั๊ก Scott
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 220
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 10:09
Tel: 0815650092
team: ชมรมจักรยานดอนเมือง, Fat rider
Bike: Scott Addict R1, Ritchey Logic, Scott CR1, Specialized S-WORKS SL3, Bianchi Vigorelli, Giant Flight Mini
ติดต่อ:

อินทนนท์คนพันธุ์อึด#10 : การเดินทางด้วยรถทัวร์ - จักรยาน - สองเท้า และมือโบก



โพสต์ โดย ตั๊ก Scott »

รูปภาพ
“อินทนนท์คนพันธุ์อึด” เป็นการแข่งขันจักรยานแบบโอเพ่น ที่จัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ปีนี้ก็เป็นครั้งที่ 10 แล้วที่จัดขึ้นมา โดยก่อนหน้านี้ผมได้เดินทางมาร่วมแข่งขันปั่นจักรยานขึ้นดอยอินทนนท์มาแล้ว 4 ครั้ง แต่ละครั้งใช้การเดินทางต่างกันออกไป หลักๆ ก็เป็นการขับรถมาเอง และมารถตู้กับเพื่อนร่วมทีม ซึ่งสำหรับผมแล้ว การมาปั่นขึ้นดอยอินทนนท์เป็นเหมือนการมาพักผ่อนประจำปีเลยก็ว่าได้ เพราะต้องมาทุกปี แต่ส่ิงหนึ่งที่ค่อนข้างจำเจก็คือ ขับรถมาจากกรุงเทพฯ ตอนเช้า หรือค่ำ มาถึง อ.จอมทอง เข้าที่พัก พักผ่อน หรือออกไปเที่ยว ขับรถขึ้นไปบนดอย แล้วก็กลับมานอนพักเพื่อแข่งขันในวันรุ่งขึ้น แข่งเสร็จก็ขับรถกลับกรุงเทพ หรือไม่ก็เข้าเชียงใหม่เที่ยวต่อในเมืองอีก 1 วัน เป็นแบบนี้ร่ำไปทุกปีๆ

แต่ในปีนี้ ผมตั้งใจที่จะ “เดินทาง” ในแบบที่แตกต่างออกไป โดยวางแผนจาก “เครื่องบิน” วิธีนี้ดูจะให้ความสะดวกสบายมากที่สุดสำหรับนักปั่นที่กระเป๋าหนัก ทั้งค่าเครื่องบินที่ค่าตั๋วไปกลับอยู่ที่ราวๆ เกือบ 4 พันบาท อาจจะดูไม่แพงสำหรับผู้มีรายได้สูง แต่สำหรับผู้มีรายได้ปานกลางแบบผม ก็ยังมองว่าแพงไปอยู่ดี ไหนจะต้องเช่ารถจากเชียงใหม่เพื่อขับไป อ.จอมทอง อีกดูก็ไม่ต่างจากครั้งก่อนๆ ที่ต้องไปผูกไว้กับรถยนต์เท่านั้น การเดินทางแบบนี้ผมจึงข้ามไป



“รถไฟ” ผมเล็งรถไฟตู้นอนตู้ใหม่ที่เพิ่งโฆษณาเอาไว้ เพราะอยากลองนั่งรถไฟไปเชียงใหม่ดูสักครั้ง ถึงต้องใช้เวลานานกว่าทุกการเดินทาง แต่ก็เพื่อความแตกต่างก็อยากลองดู แต่จากการโทรถามไปที่ทางการรถไฟคอลเซ็นเตอร์ คำตอบที่ได้รับก็คือ ไม่สามารถเอาจักรยานขึ้นรถไฟตู้นอนขบวนใหม่ได้ ด้วยเหตุที่ว่าไม่มีโบกี้สัมภาระ อืม..งั้นลองรถไฟตู้นอนแบบพัดลมขบวนเก่าก็ได้ ได้ครับ มีโบกี้ขนของ แต่ที่นั่งเหลือแต่ชั้นบน ซึ่งตอนทำเป็นเตียงก็จะไปแขวนอยู่บนหัวผู้โดยสารท่านอื่น อีกทั้งค่าตั๋วก็มีราคาพันกว่าบาท จะว่าไปแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับตั๋วเครื่องบินเลย ...งั้นขอผ่านดีกว่า

เมื่อการเดินทางทุกอย่างดูจะไม่ตรงกับใจ ผมจึงขอขึ้น “รถทัวร์” ดูสักครั้ง การเดินทางด้วยรถทัวร์อาจจะไม่สะดวกนักในสมัยก่อน แต่ในปัจจุบันถือว่าปรับปรุงได้ดีขึ้นมากๆ แล้ว ทั้งที่นั่งที่สะดวกสบาย มีที่ชาร์จไฟ USB มีระบบปรับเอนนอนได้ แถมเอาจักรยานใส่ช่องสัมภาระใต้ท้องรถได้ ราคาค่าตั๋วแค่ห้าร้อยกว่าบาท ...งั้นเอาอันนี้แหละ
จากนั้นผมก็เร่ิมวางแผนการเดินทางทันที คร่าวๆ เริ่มจาก

- นั่งรถทัวร์จากกรุงเทพ 4 ทุ่ม 20 นาที ไปลงที่ แยกดอยติ จ.ลำพูน เช้า 6 โมง

- ปั่นจักรยานไปที่ อ.จอมทอง 68 กิโลฯ เข้าที่พักตีนดอยอินทนนท์

- วันรุ่งขึ้นปั่นแข่งขึ้นดอยอินทนนท์ 48 กิโลฯ

- ปั่นลงดอยอินทนนท์มาที่พัก 42 กิโลฯ

- ปั่นเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ 70 กิโลฯ

- วันรุ่งขึ้นปั่นเส้นทาง แม่ริม-สะเมิง-หางดง-เชียงใหม่ 86 กิโลฯ
- อาจจะแถมปั่นขึ้นดอยสุเทพ หากพอมีเวลา และมีแรงเหลือ

- ปั่นเสร็จขึ้นรถทัวร์เชียงใหม่ 1 ทุ่มครึ่ง กลับกรุงเทพ
รูปภาพ


 เมื่อจองตั๋วรถทัวร์ กับจองที่พักเรียบร้อยก็ถึงวันเดินทาง ผมจัดกระเป๋าเป้ให้มีน้ำหนัก “น้อยที่สุด” เพราะต้องแบกเป้ปั่นจักรยานไปด้วยระหว่างเดินทาง ซึ่งในเป้จะต้องมี 

- ชุดปั่นจักรยานเสื้อกางเกง 1 ชุด

- หมวกจักรยาน

- ถุงมือ

- ถุงเท้า

- รองเท้าจักรยาน 1 คู่

- อุปกรณ์ปะยาง

- ยางใน 1 เส้น

- สูบลมพกพา

- เสื้อกันลม 1 ตัว (สำหรับใส่บนยอดดอยที่อากาศหนาวมากๆ แค่ 10 องศา)


อันนี้เป็นส่วนของการปั่น ส่วนชุดใส่เที่ยวทั่วไปก็มีแค่ 

- เสื้อยืด 1 ตัว (ใส่ไป)

- เสื้อกันหนาว 1 ตัว

- เสื้อยืดใส่นอน 1 ตัว

- กางกางบ็อกเซอร์ 1 ตัว

- กางเกงขาสั้น 1 ตัว (ใส่ไป และขอให้พับได้เล็กๆ และเบา)

- รองเท้า ที่เป็นทั้งรองเท้าแตะ และใส่เที่ยว 1 คู่

- อุปกรณ์ชาร์จไฟโทรศัพท์

...ทั้งหมดนี้ในเป้หนึ่งใบ กับการเดินทางทริป 3 วัน 4 คืน

รูปภาพ
ความทรงจำที่สวยงาม
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=70&t=95953

ยังคิดถึงเสมอ Rivette H6
http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkato ... 26281&st=1
รูปประจำตัวสมาชิก
ตั๊ก Scott
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 220
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 10:09
Tel: 0815650092
team: ชมรมจักรยานดอนเมือง, Fat rider
Bike: Scott Addict R1, Ritchey Logic, Scott CR1, Specialized S-WORKS SL3, Bianchi Vigorelli, Giant Flight Mini
ติดต่อ:

Re: อินทนนท์คนพันธุ์อึด#10 : การเดินทางด้วยรถทัวร์ - จักรยาน - สองเท้า และมือโบก



โพสต์ โดย ตั๊ก Scott »

รูปภาพ

17 กุมภาพันธ์ : กับการเดินทางที่แปลกใหม่กำลังรอเราอยู่ข้างหน้า
ในวันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ ผมยังทำงานอยู่จน 2 ทุ่ม และยังไม่มีวี่แววว่าจะเสร็จ แต่ด้วยตั๋วรถทัวร์ที่จองไว้ 4 ทุ่ม 20 จึงของให้น้องที่ทำงานดูแลต่อให้ แล้วรีบกลับบ้านมาหยิบกระเป๋าเป้ที่เตรียมไว้ กับจักรยาน 1 คัน กอดภรรยากับลูกให้เป็นกำลังใจในการแข่งขัน และการเดินทาง แล้วก็ปั่นจักรยานออกไปเรียก Taxi ไปขึ้นรถทัวร์ ผมไปถึงท่ารถเร็วก็มีเวลาเช็คตั๋ว ตรวจดูสิ่งของ นั่งรอ แล้วรถก็มา เอาจักรยานใส่ใต้ท้องรถ แล้วก็ขึ้นไปนั่ง แอร์รถทัวร์ช่างเย็นอะไรขนาดนี้ ดีที่ผมเอาเสื้อกันลม (จักรยาน) และเสื้อกันหนาวมา เลยใส่มันทั้ง 2 ตัวเลย กางเกงก็เป็นขาสั้น ดีที่มีผ้าห่มที่แจกให้ก็พอให้หายหนาวไปได้

รถทั่วแล่นออกไปเรื่อยๆ ผมซึ่งปกติจะเป็นคนขับรถก็บอกเลยว่า “นอนไม่หลับหรอก” เพราะสัญชาติญาณมันทำให้เราต้องดูถนนตลอดเวลาที่รถวิ่งอยู่ แต่ก็พยายามข่มตาให้หลับบ้างเพื่อจะได้พักสายตา พรุ่งนี้ต้องปั่นจักรยานไป อ.จอมทอง รถวิ่งไม่ไวมากตามมาตฐานที่กำหนด ซึ่งผมมองว่าดี และปลอดภัยสุดๆ
รูปภาพ
วัดดอยติ : ไหว้ครูบาศรีวิชัย เปลี่ยนชุด และเริ่มปั่นกับอากาศหนาวๆ

18 กุมภาพันธ์ : ปั่นดอยติ-จอมทอง
พนักงานต้อนรับมาบอกว่าข้างหน้าเป็นจังหวัดลำพูด จะจอดให้ลงที่แยกดอยติ พร้อมกับยกกระเป๋าจากช่องเก็บข้างบนลงมาให้ ถือว่าบริการเต็มที่มากๆ เลยครับ รถทัวร์จอดที่ศาลาตรงข้ามท่ารถดอยติ ตอน 6 โมงเช้าพอดี ผมลงรถมาก็พบกับอากาศที่หนาวสุดๆ สำหรับคนภาคกลางที่ไม่เคยเจออากาศแบบนี้บ่อยๆ ก็ปากสั่นฟันกระทบกันไป (16 องศา) เห็นจะได้
รูปภาพ
เส้นทางวันแรก ดอยติ - จอมทอง
ผมประกอบรถเสร็จ ก็หาที่เปลี่ยนชุดจักรยาน แต่ตอนนั่งรถผ่านมามีภูเขาลูกนึง มีวัดอยู่ มีรูปปั่นพระองค์ใหญ่ เห็นชาวจักรยานปั่นไปมาแถวนั้นเยอะ ลองปั่นย้อนไปดูก็ได้พบกับนักปั่นเจ้าถิ่น พูดคุยกันตามประสาคนปั่นจักรยานด้วยกัน บอกว่าผมจะปั่นไปตามแผนนี้พี่เค้าก็ยังจะอาสาปั่นไปส่ง แต่ไม่เป็นไรผมฝากจักรยานเค้าไว้สักพักก็ขอไปเปลี่ยนชุด แล้วผมก็เริ่มปั่นกิโลเมตรแรกจาก วัดดอยติ อนุสาวรีย์พระครูบาศรีวิชัย ไปตามทางหลวงหมายเลข 116 ช่วงแรกระยะทาง 18 กิโลฯ เป็นถนนที่มีรถวิ่งค่อนข้างเยอะ มีรถบรรทุกวิ่งไปมาไม่ขาดสาย แต่ด้วยเป็นช่วงเวลาเช้า รถยังไม่มาก มีไหล่ทางที่กว้าง ทำให้ไม่เป็นอันตรายมากนัก
รูปภาพ
เริ่มปั่นถนนหมายเลข 116

มาถึงแยกป่าห้า ผมเลี้ยวซ้ายเข้าเส้นทางหมายเลข 1033 ทางเล็กลง แต่รถก็น้อยลงมาก ปั่นชมวิวข้างทางไปได้เรื่อยๆ จนมองเห็นทางซ้ายมือ มีถนนสายนึงตัดตรงมุ่งหน้าไปหาวัดที่อยู่บนยอดเขา “วัดพระพุทธบาทตากผ้า” ผมไม่ลังเลเลี้ยวซ้ายเข้าไปตามทาง ทางเป็นแบบขึ้นเนินซึมๆ ไปเรื่อยๆ จนถึงวัด ผมเคยเห็นวันนี้ในแผนที่แต่ก็เพิ่งได้มีโอกาสเข้ามา ผมปั่นเข้าไปจนถึงทางดิน และเป็นภูเขาเล็กๆ ที่ต้องเดินเท้าเข้าไป ก็วกกลับมาทางด้านหน้า จอดจักรยานที่ร้านค้า ฝากแม่ค้าใจดีแล้วก็เข้าไปไหว้พระพุทธบาทด้านในโบสถ์ ได้ปิดทางพระพุทธบาททั้ง 2 รอย แล้วก็ออกมานั่งที่ร้านค้า ซื้อน้ำใส่กระติก ถอดเสื้อกันลมออกเพราะอากาศเริ่มอุ่นขึ้นแล้ว ผมตั้งใจว่าถ้าเจอสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ หรือวัดที่น่าสนใจก็จะแวะเข้าไป เพราะการเดินทางของวันนี้ไม่รีบร้อนอะไร แค่ไปให้ถึงจอมทองเข้าที่พักก็โอเคแล้ว
รูปภาพ
ถนนตรงเข้าสู่วัด ช่างท้าทายให้เข้าไปชม

รูปภาพ
ปั่นเข้ามาจนสุด เป็นทางดิน และทางเดินขึ้นภูเขา

รูปภาพ
รูปภาพ
ฝากจักรยานแล้วเข้าไปกราบรอยพระพุทธบาท
รูปภาพ
รูปภาพ
รอยพระพุทธบาทตากผ้า
รูปภาพ
ปั่นรอบสระน้ำในวัด
รูปภาพ
เจ้าเหมียวเฝ้าประตู
ความทรงจำที่สวยงาม
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=70&t=95953

ยังคิดถึงเสมอ Rivette H6
http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkato ... 26281&st=1
รูปประจำตัวสมาชิก
ตั๊ก Scott
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 220
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 10:09
Tel: 0815650092
team: ชมรมจักรยานดอนเมือง, Fat rider
Bike: Scott Addict R1, Ritchey Logic, Scott CR1, Specialized S-WORKS SL3, Bianchi Vigorelli, Giant Flight Mini
ติดต่อ:

Re: อินทนนท์คนพันธุ์อึด#10 : การเดินทางด้วยรถทัวร์ - จักรยาน - สองเท้า และมือโบก



โพสต์ โดย ตั๊ก Scott »

รูปภาพ

ออกจากวัดผมก็ปั่นตามทางมาเรื่อยๆ แยกออกทางขวาเข้าทางหมายเลข 1209 เส้นทางนี้จะเริ่มมีเนินให้ออกแรงมากขึ้น ไปจนถึง “บ้านเวียงหนองล่อง” เมื่อมาถึง 3 แยก หากเลี้ยวขวา ก็จะไปเข้าถนนสายหลักไปอำเภอจอมทอง แต่ผมเลือกที่จะเลี้ยวซ้าย (ถนน 1010) ไปตามทางเส้นเล็กอีกตามเคย รถไม่มาก ได้ดูวิวแปลกใหม่ เส้นทางนี้ไม่ไกลมากก็จะเข้าถนนสาย 3003 ผ่านวัดต้นผึ้ง ผ่านหมู่บ้านเล็กๆ ข้ามสะพานแม่น้ำปิง เข้าถนนท่าศาลา ไปจนถึงวัดพระธาตุศรีจอมทอง ระหว่างทางผมเห็นทิวสนสูงมากๆ เป็นเส้นทางเข้าไปอินทนนท์ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท ก็ลองปั่นเข้าไปถ่ายรูปทิวสน ซึ่งจะว่าแปลกก็ได้ที่มาเห็นแถวนี้ ไม่ใช่แถวชายทะเล
รูปภาพ
วิวสองข้างทาง
รูปภาพ
ทางเข้าอินทนนท์ริเวอร์ไซด์รีสอร์ท นึกว่าอยู่ชายทะเล
รูปภาพ
ปั่นออกนอกเส้นทางบ้าง เก็บภาพสวยๆ แปลกตา


 มาถึงวัดพระธาตุศรีจอมทองตอน 11 โมงเช้า เข้าไปไหว้พระแล้วก็กินบะหมี่แห้งหน้าวัดนั่นแหละเป็นอาหารเที่ยง ผมกินไป 2 ชาม จะได้มีแรงมากๆ ราคา 60 บาท น้ำแข็งฟรี จากนั้นก็ปั่นไปสถานที่จัดงาน ลงทะเบียนรับเสื้อ ป้ายติดหน้ารถ ป้ายเช็คเวลาแข่ง ซื้อเจลสำหรับกินเวลาแข่ง แล้วก็ปั่นต่อไปที่พัก ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอจอมทองประมาณ 9 กิโลฯ ก็ถึง เข้าเช็คอิน แล้วก็ได้อาบน้ำ นอนพักผ่อน
รูปภาพ
ปั่นมาถึงจอมทองแล้ว ปั่นไปเที่ยวไป พักไป 11 โมงก็ถึง
รูปภาพ
ทุ่งนาก่อนเข้าตัวอำเภอจอมทอง
รูปภาพ
รูปภาพ
กินบะหมีเติมพลัง
รูปภาพ
สองแถวหน้าวัด
ความทรงจำที่สวยงาม
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=70&t=95953

ยังคิดถึงเสมอ Rivette H6
http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkato ... 26281&st=1
รูปประจำตัวสมาชิก
ตั๊ก Scott
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 220
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 10:09
Tel: 0815650092
team: ชมรมจักรยานดอนเมือง, Fat rider
Bike: Scott Addict R1, Ritchey Logic, Scott CR1, Specialized S-WORKS SL3, Bianchi Vigorelli, Giant Flight Mini
ติดต่อ:

Re: อินทนนท์คนพันธุ์อึด#10 : การเดินทางด้วยรถทัวร์ - จักรยาน - สองเท้า และมือโบก



โพสต์ โดย ตั๊ก Scott »

รูปภาพ
เข้ามาเที่ยวที่บ้านแม่กลางหลวง
รูปภาพ
โบกรถคันแรกของทริป

ช่วงบ่ายๆ ได้พักผ่อนเต็มที่แล้ว ผมก็เช็คข้อมูลว่าจะไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง ที่ไม่เคยไป เห็นรูปน้ำตกผาดอกเสี้ยว ดูสวยคุ้นตาจากภาพยนตร์ ก็ขอออกไปดู ผมเดินออกจากที่พักเพื่อมาถนนใหญ่ทางขึ้นไปดอยอินทนนท์ ข้ามไปอีกฝั่งเพื่อโบกรถ จะเป็นรถสองแถวประจำทาง หรือรถกระบะชาวบ้านก็ได้ เรื่องการโบกรถผมมีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนสมัยวัยเรียน รถคันแรกที่โบกได้เป็นรถกระบะเก่าๆ ของน้องท่านหนึ่ง พูดคุยกันน้องเค้าทำงานเป็นตัวแทนขายประกันอยู่ที่เชียงใหม่ พอวันหยุดก็จะขับรถกลับบ้าน และรับผมมาด้วย
รูปภาพ
เดินตามลำธาร
รูปภาพ
ทางเข้าร้านกาแฟ วิวสวยมาก
รูปภาพ
วิวแบบนี้ให้นั่งนานๆ ก็ไม่เบื่อ
รูปภาพ
ดอกซากุระเมืองไทย ยังพอมีให้เห็นอยู่บ้าง

จุดหมายของผมอยู่ที่ “บ้านแม่กลางหลวง” น้องเค้ามาส่งผมที่ปากทาง แล้วผมก็เดินเท้าต่อไปเป็นทางลงเข้าชันๆ มีสะพานปูนข้ามลำธารเล็กๆ แต่สวยงามมากๆ ผมเดินไปสอบถามชาวบ้าน ร้านค้าว่าจะไปเที่ยวน้ำตกนี้ได้ยังไง เค้าก็ให้ผมไปที่ร้านกาแฟที่อยู่ข้างใน ผมเดินไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปจากโทรศัพท์มือถือ เดินจนเข้าไปสุดทางปูนของหมู่บ้าน เจอเด็กๆ ก็เข้ามาคุยด้วย ผมถามน้องๆ เค้าก็บอกเค้าพาไปได้ ต้องจ้างเค้านะ คนละ 100 แต่ขอไปกัน 3 คน ก็เท่า 3 ร้อย ผมก็ตกลง คุยไปคุยมาบอก ไม่ไปละ เดี๋ยวแม่ว่า ผมก็ขำๆ ไม่ว่าอะไร ก็เลยเดินลงมาที่ร้านกาแฟที่ว่า ทางคนนำทางบอกว่าค่าจ้างไกด์ 300 บาท แต่ผมมาคนเดียวไม่คุ้มหรอก เพราะต้องจ้างรถสองแถวไปส่งข้างบน แล้วเดินลงมาอีก ใช้เวลา 3 ชั่วโมง แล้วนี่ก็บ่าย 3 ครึ่งแล้ว ไม่ทันหรอก “กินกาแฟก่อนมั้ย” ..ไม่เป็นไรครับ ไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไรโอกาสหน้าว่ากันใหม่ ผมก็เดินกลับมาตรงลำธารที่เดิม เข้าไปดูที่พักติดลำธารเผื่อครั้งหน้าจะได้มาอีก เดินตามลำธารไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปสะพานกับต้นไม้ไว้ดู แล้วก็เดินขึ้นไปถนนใหญ่
รูปภาพ
สะพานเข้าสู่บ้านแม่กลางหลวง ลำธารกับสะพานปูนเล็กๆ มุมที่คนมองผ่าน
รูปภาพ
อีกภาพก่อนออกจากหมู่บ้าน
รูปภาพ
รถคันที่สองที่โบกได้ มีจักรยาน (ในกล่อง) เต็มคันรถ

จากตรงนี้ผมตั้งใจว่างั้นไป “จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน” โบกรถได้รถกระบะของคนปั่นจักรยาน มีจักรยานใส่กล่องเต็มหลังรถ 4 คัน กระเป๋าอีก 2 ใบ พอมีที่แทรกตัวลงไปได้ผมก็ไปครับ ขอบคุณพี่ๆ ที่มีน้ำใจกับผมจริงๆ พี่เค้ามาถึงแค่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติอินทนนท์ ผมต้องลงแล้วโบกรถต่อไป จากตรงนี้กว่าจะโบกรถได้อีกครั้งก็นานมากๆ เป็นรถสองแถวสีเหลืองให้ผมขึ้นมาอีกต่อ และมาลงที่ประตูด่านที่ 2 ผมโบกรถต่อ ได้มอเตอร์ไซค์น้องคนนึงที่เช่ารถขี่มาจากเชียงใหม่ แต่ด้วยรถที่น้องเช่ามาค่อนข้างเก่า พอถึงเนินพระธาตุเจดีย์นถพลภูมิสิริ รถน้องเค้าก็ไปต่อไม่ไหว ผมเลยขอลงเพื่อจะได้ไม่เป็นภาระ มาส่งผมแค่นี้ก็ขอบคุณมากๆ แล้วครับ ตรงพระมหาธาตุฯ ผมได้คุยกับเจ้าหน้าที่ว่าจะเข้าไปกิ่วแม่ปาน พี่เค้าบอกว่า “ไม่ทันแล้ว” มันเย็นมากเดี๋ยวกลับมาไม่ทัน ตอนนั้นประมาณ 4 โมงเกือบจะ 5 โมงเย็นแล้ว ผมโบกรถพี่คนนึงขึ้นไปจนถึงยอดอินทนนท์ อากาศตอนนั้น 13 องศาได้ เย็นจับใจเลยทีเดียว นักท่องเที่ยวน้อยมากๆ ผมกังวลว่าจะหารถลงไม่ได้ ถ่ายรูปอยู่สักพักก็เริ่มหารถที่จะโบกลง ..ไม่มี.. รถส่วนใหญ่เป็นรถเหมา รถตู้ รถเก๋ง ซึ่งผมก็เกรงใจมากๆ จนมาได้พี่ท่านนึงจอดถามก็เลยได้ลงมาด้วยกัน พูดคุยกันได้ความว่า ขับรถมาจากอยุธยา มาปั่นแข่งงานอินทนนท์เหมือนกันก็เลยจอดรับ ผมโบกรถอีกต่อที่ตลาดชาวเขาก่อนที่ทำการ แล้วก็ลงมาถึงข้างล่างตอนค่ำพอดี น่าจะ 1 ทุ่มเห็นจะได้ จากปากทางเดินเข้าที่พักประมาณ 1 กิโลฯ มืดๆ แต่สักพักก็ได้มอเตอร์ไซค์ชาวบ้านเรียกให้ขึ้นมาด้วย ขอบคุณมากจริงๆ ครับ
รูปภาพ
มาถึงที่ทำการแล้วก็โบกรถต่อ
รูปภาพ
ได้มอเตอร์ไซค์น้องคนนี้มาส่งถึงเนินพระธาตุฯ
รูปภาพ
อากาศบนยอดดอยตอน 5 โมงเย็น 13 องศา
รูปภาพ
ทางเดินสะพานไม้ ก่อนโบกรถลง

จริงๆ แล้วคืนก่อนปั่นตามประสาเค้าจะ “โหลด” อาหารหนักๆ อย่าง สเต็กเนื้อ สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า หรืออะไรก็แล้วแต่ที่หนักๆ กินเยอะๆ เพื่อจะได้เป็น “พลังงาน” ในการปั่นขึ้นเขาพรุ่งนี้ แต่ผมมาคนเดียวจะสั่งกับข้าวที่เป็นกับกินหลายอย่างก็จะกินไม่หมด ก็เลยสั่งข้าวผัดกุ้งมาหนึ่งจาน กินให้อิ่มเป็นพอ สเต็กเค้าคงไม่มีหรอกไม่ได้อยู่ในเมือง กินเสร็จก็เข้าห้องอาบน้ำ เตรียมชุด+อุปกรณ์ปั่นให้เรียบร้อย เช็คสภาพรถ หยอดน้ำมันโซ่ ติดป้ายตามรถ ตามเสื้อพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าจะได้ไม่ต้องรีบมาก อีกอย่างก็คือต้องแพ็คกระเป๋าเป้สำหรับเช็คเอาท์เอาไว้เลย เพราะกว่าจะกลับคงเลยเที่ยงแน่ๆ อยู่แล้ว ไม่อย่างงั้นจะเสียค่าเช็คเอาท์เลทอีกหลายบาท
ความทรงจำที่สวยงาม
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=70&t=95953

ยังคิดถึงเสมอ Rivette H6
http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkato ... 26281&st=1
รูปประจำตัวสมาชิก
ตั๊ก Scott
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 220
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 10:09
Tel: 0815650092
team: ชมรมจักรยานดอนเมือง, Fat rider
Bike: Scott Addict R1, Ritchey Logic, Scott CR1, Specialized S-WORKS SL3, Bianchi Vigorelli, Giant Flight Mini
ติดต่อ:

Re: อินทนนท์คนพันธุ์อึด#10 : การเดินทางด้วยรถทัวร์ - จักรยาน - สองเท้า และมือโบก



โพสต์ โดย ตั๊ก Scott »

รูปภาพ
ปั่นมาจุด start แต่เช้า
รูปภาพ
ผู้ร่วมปั่นพิชิตดอยฯ เยอะที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา

19 กุมภาพันธ์ : วันปั่นพิชิตยอดดอยอินทนนท์คนพันธุ์อึด ครั้งที่ 10
ผมตื่นเช้าตี 5:45 นาที ทำธุระส่วนตัว แต่งตัวเสร็จก็จูงจักรยาน แบกเป้ไปที่ล็อบบี้ คืนกุญแจ แล้วก็ฝากกระเป๋าเอาไว้ ดีที่มีกรุ๊ปจักรยานมาเยอะ และขอบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าเอาไว้ตั้งแต่ตี 5 ทางโรงแรมเลยจัดให้ ผมก็เลยได้กินอาหารเช้าเต็มที่ ไม่ต้องไปหวังหาเอาดาบหน้า ผมปั่นจากที่พักมาจุด Start ตรงสามแยกจอมทอง รอเวลาปล่อยตัว 7 โมงเช้า ซึ่งครั้งนี้บอกตรงๆ เลยว่า “ไม่ตื่นเต้น” อะไรใดๆ เลย เพราะมีบ่อยแล้ว มาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 และมาครั้งนี้ก็ไม่คิดจะแข่งกับใคร ส่ิงที่มุ่งหวังเอาไว้คือ “ทำเวลาให้ดีกว่าเก่า และต้องขาไม่แต่พื้น” ไม่ลงไปเดินเข็นจักรยานเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาก แค่นี้ก็จะถือว่าสำเร็จแล้วสำหรับผม
เมื่อพิธีการเสร็จสิ้น เสียงปล่อยตัวก็เริ่ม ผมออกปั่นไปเรื่อยๆ ตามกลุ่ม ตามคนที่มีรอบขาเท่าๆ กัน ใครช้ากว่าก็ค่อยๆ แซงไปเกาะกลุ่มหน้า ไม่เร่ง ไม่อะไรทั้งสิ้นเพราะรู้ดีกว่าทางราบตรงนี้มีผลน้อยมาก เก็บแรงเอาไว้เยอะๆ ดีกว่า ไปใช้จริงๆ ตอนพ้นประตูอุทยานฯ ที่ 1 นั่นแหละถึงจะเริ่มของจริงอินทนนท์ ตรงเนินแรกสุดโหดที่ทุกคนขนานนามว่า “เนินคัดตัว” ตรงนี้ถือว่าเป็นเนินที่โหดจริง ความชันประมาณ 11-13% เห็นจะได้ ใครแรงไม่ดี อัดทางเรียบมาเร็วๆ พอถึงเนินนี้ถ้าไม่แข็งจริงก็ลงไปเดินกันแล้ว ส่วนใครที่ตั้งใจมากๆ บาททีออกแรงเค้นมากๆ โซ่ก็มาขาดกันที่เนินนี้แหละ เห็นเยอะมากสองข้างทาง ส่วนใครที่เคยมาแล้วจะเผื่อแรง และปั่นหาช่องสำหรับผ่านผู้ร่วมแข่งขันไปให้ได้ ไม่ติดใครก็ควงขาให้พ้นเนินขึ้นไป
รูปภาพ
เนินคัดตัว
รูปภาพ
หาช่องทางปั่นให้ดี

มาแข่งปีนี้ผมค่อนข้างซ้อมมาหนัก มีทั้งฝึกการทำงานของหัวที่ที่โซน 2 ฝึกปั่นเกียร์หนักเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อ และมีตารางซ้อมที่ค่อนข้างเครียด สำหรับมือสมัครเล่นอย่างผม โดยใน 1 สัปดาห์จะต้องปั่นให้ได้ 5 วัน พัก 2 วัน เฉลี่ยประมาณ 240 - 350 กิโลเมตร/สัปดาห์ บางทีก็เครียดหนักมากถ้ามีงานต้องรับผิดชอบแล้วปั่นไม่ได้ตามเป้า ก็ต้องปั่นกลางค่ำกลางคืนก็มี แต่การที่ผมฝึกซ้อมมาเยอะ ก็เห็นผลดีในการแข่งขันนี่แหละครับ เพราะเนินหลายเนินที่ถือว่าค่อนข้างยาก และทรมานมากๆ ในปีที่แล้ว ผมผ่านมันมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ขามีแรงที่จะควงบันไดได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องออกแรงกดหนักๆ เหมือนที่ผ่านมา จนผ่านที่ทำการอุทยานฯ ซึ่งถือว่าเลย 30 กิโลเมตรเริ่มต้นมาแล้ว และจะต่อด้วย 16 กิโลเมตรสุดโหดที่จะเป็นทางขึ้นเขาชันๆ เพียงอย่างเดียว
รูปภาพ
ทิวสนก่อนออกไปสู่โค้งที่สวยงาม
รูปภาพ
ผมชอบเนินนี้จริงๆ วิวสวยมาก

ผมปั่นผ่านมาเรื่อยๆ จนถึงเนินทิวสน โค้งถนนตรงนี้สวยงามมากๆ แต่ก็แผงความชันเอาไว้เช่นเดียวกัน ช่างภาพส่วนหนึ่งจะมารอถ่ายรูปตรงเนินนี้ เพราะมองเห็นวิวด้านหลัง เป็นภูเขาออกไปไกลๆ ผมชอบเนินนี้มาก หากปีไหนได้มาถ่ายภาพก็อยากจะมาถ่ายภาพสวยๆ ตรงนี้แหละ แต่ปีนี้ผมพกกล้อง Gopro มาด้วยก็เลยควักออกมาถ่ายเอาไว้เป็นที่ระลึก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ทุกปีจะไม่พกอะไรเลยเพราะกังวลเรื่องน้ำหนัก พอปั่นผ่านเนินนี้ได้ก็มีอีกหลายเนินที่สร้างความทรมานให้กับขาอยู่มากมาย จนถึงเนินที่มองเห็นพระธาตุ จากจุดนี้จะเหลือระยะทางอีกประมาณ 10 กิโลก็จะถึงเส้นชัย แต่พอลงเนินนี้ไปนี่แหละเป็นจุดที่ถือว่าทรมานเป็นอันดับต้นๆ ของเส้นทางอินทนนท์เลยก็ว่าได้ เพราะความชันที่ 13 -17% ยาวๆ ติดต่อกัน 3 กิโลฯ ไม่มีทางราบให้พักขาเลย ถือว่าเป็นจุดที่วัดใจเป็นอย่างมาก ผมเคยลงไปนอนกลิ้งไปกล้ิงมาไม่เป็นท่า ร้องโอดโอยลั่นป่าเพราะตะคริวกินขาทั้งสองข้างก็ตรงเนินนี้แหละ หากพ้นเนินนี้ไปได้ก็จะเห็นโค้งเนินพระธาตุอยู่ตรงหน้า
รูปภาพ
เนินแล้วเนินเล่า โค้งแล้วโค้งเล่า
รูปภาพ
ปั่นผ่านนางฟ้านักปั่น
รูปภาพ
จุดแรกที่เห็นวิวพระธาตุ ต่อไปคือของจริงที่แสนทรมาน

ปีนี้ผมค่อยๆ บด กดบันไดไปเรื่อยๆ จนพ้นทิวป่าออกมาเห็นโค้งเนินพระธาตุ ซึ่งทุกๆ ผมเข็นมานานแล้ว แต่ปีน้ีผมยังนั่งอยู่บนเบาะ และควงขาได้อยู่ ผมดีใจมากๆ และพยายามต่อไป โค้งแรกผ่านเขาหินอันใหญ่ด้านซ้ายมือ ต่อไปอีกก็จะเป็นจุดที่ชันที่สุดของเส้นทาง ช่างภาพมากมายมารอถ่ายภาพผู้แข่งขันที่จุดนี้ แน่ละ มีทั้งปั่น มีทั้งเลื้อย มีทั้งเข็น และมีทั้งจอดถ่ายภาพกันเลย ผมมักจะได้ภาพเดินเข็นรถจากโค้งนี้ทุกปี แต่ปีนี้ผมทำได้ ผมปั่นได้ ข้างในใจผมดีใจที่สุด และคิดออกมาในใจเลยว่า “อินทนนท์ ผมชนะท่านแล้ว.. ผมชนะท่านได้แล้วนะ”
รูปภาพ
โค้งแรกเนินพระธาตุ
รูปภาพ
ผ่านโค้งแรกมาได้ใจชื้น
รูปภาพ
ยังคงก้มหน้าก้มตาปั่นต่อไป
รูปภาพ
กำลังจะสุดเนินพระธาตุแล้ว ผมดีใจอยู่ข้างใน


 จากพระธาตุฯ ก็จะเข้าสู่จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน ตรงนี้เนินชันยาวๆ อีกเช่นกัน ปั่นจนไปเจอจุดให้น้ำซึ่งจะมีทางราบให้พักอยู่นิดหน่อย บรรดาผู้สนับสนุนน้ำเกลือแร่ น้ำอัดลม ก็จะส่งน้ำให้ตรงนี้ ยอมรับเลยว่าชื่นใจที่สุดครับ ได้ความหวานกลับมาให้ร่างกายได้สดชื่น ก่อนที่ความชันจะเริ่มก่อตัวขึ้นใหม่แล้วไปสุดที่ “เนินหอดูดาว” ตรงจุดนี้ผมไม่เคยได้รับรู้ความชันมาก่อน เพราะลงเดินทุกปี แต่ปีนี้ปั่นอยู่ และร่างกายมันก็เริ่มบอกมาแล้วว่า “หมด” เริ่มล้าจนตะคริวเริ่มขึ้นมาที่ขาข้างขวาแล้ว ผมก็ใช้ขาซ้ายออกแรงมากกว่าเดิมหน่อยเพื่อให้ขาขวาได้พัก ไม่นานตะคริวก็มาจับที่ขาทั้งสองข้าง! ตอนนั้นใจสู้สุดๆ เพราะไม่อยากลงไปเดิน อยากทำให้สำเร็จ ปากผมก็เลยพูดพึมพัมออกมาตลอดทาง “อย่านะ อย่าเพิ่งมานะ อย่าขึ้นนะ ขออีกนิด..ขออีกนิด..” หากใครปั่นอยู่ข้างๆ ผมคงจะได้ยินผมพูดบ้างละ
รูปภาพ
อินทนนท์ ผมชนะท่านแล้วนะ ผมชนะท่านแล้ว

ผมแข็งใจจนปั่นผ่านขึ้นถึงยอดเนินหอดูดาวได้สำเร็จ และก็รีบพุ่งลงเนินไปด้วยความรวดเร็ว อากาศช่วงนี้หนาว เย็นยะเยือกสุดๆ เพราะผ่านป่าสองข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นกุหลาบพันปีสีขาว แล้วก็มาถึงเนินสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย เนินนี้เป็นเนินสั้นๆ แต่ขอแค่อย่าถอดใจก็จะผ่านไปได้ง่ายมาก ผมรีบผ่านและปั่นเข้าเส้นชัย เวลาที่ซุ้มข้างบนบอกผมว่า 3:35:55 ชั่วโมง ....yes!! ผมทำสำเร็จแล้ว เพราะปีที่แล้วผมใช้เวลาไป 4 ชั่วโมงกว่าๆ เข้าเส้นชัยไปแล้วก็รับเหรียญ และต่อแถวรับใบแจ้งเวลาสุทธิ สรุปแล้วเวลาของผมอยู่ที่ 3:31:28 ชั่วโมง ซึ่งทำได้ดีที่สุดตั้งแต่เคยปั่นงานอินทนนท์มาเลย
รูปภาพ
รับเหรียญแล้วต้องขอถ่ายรูป
รูปภาพ
เหรียญปีนี้สวยงามจริงๆ ในความรู้สึกของผม ว่าผมได้ชนะใจ และร่างกายตัวเองแล้ว
รูปภาพ
เวลาของปีนี้ และปีหน้าต้องดีขึ้นให้ได้

ผมรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากิน 1 ถ้วย กินน้ำ แล้วก็ใส่เสื้อกันลม แล้วก็เริ่มปั่นลง ทางช่วงแรกชันหน่อยแต่ก็ไม่ยากเกินไป ค่อยๆ ไหลลงมา และคอยระวังเพื่อนๆ ที่ปั่นขึ้นมาด้วย ผมไหลลงเขามาจนถึงข้างล่างใช้เวลาไม่นานมาก แต่อากาศข้างบนกับข้างล่างช่างต่างกันสุดขั้ว จนต้องจอดเพื่อเก็บเสื้อกันหนาว ผมปั่นมาถึงที่พัก แวะเข้าห้องน้ำ แล้วก็รับเป้เก็บของจัดกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวปั่นเข้าเชียงใหม่ต่อ ตอนนั้นใจจริงก็เริ่มไม่ไหวแล้ว เริ่มล้า และต้องแบกเป้อีกหน่ึงใบ หากการปั่นตัวเปล่าธรรมดา 70 กิโลฯ ถือว่าไม่มาก แต่นี้ต้องแบกเป้ และความเมื้อยล้าของการแข่งขันเมื่อเช้า เลยทำให้รู้ตัวเองเลยว่า “ไม่น่าไหว” ผมปั่นจากที่พักออกมาถึงแยกจอมทอง เลี้ยวซ้ายเข้าไปทางหางดง ระหว่างทางเจอปั๊มน้ำมัน มีรถสองแถวสีเหลืองจอดอยู่ก็ตรงเข้าไปถาม เพื่อจะเหมาเข้าเชียงใหม่ ได้ความว่า ค่ารถ 35 บาท ค่าจักรยานอีกต่างหาก แต่รถสองแถวบอกไม่ใช่คิวของเค้า ต้องรอคันถัดไป ผมก็เลยเข้าไปในปั๊มเพื่อหลบแดด สายตาพลันไปเห็นรถกระบะแคปก็เลยเข้าไปถามว่าเข้าเชียงใหม่รึเปล่าจะขออาศัยติดรถเข้าไปด้วย คุณลงคนขับผู้ใจดีก็บอกว่าเข้า ไปด้วยกันได้ ผมดีใจมากๆ ไม่คิดว่าจะถามครั้งเดียวแล้วได้รถเลย ก็ยกจักรยานขึ้นหลังกระบะ แล้วขึ้นไปนั่งกลางแดดร้อนๆ คุณลุงถามว่ารถจักรยานเป็นอะไรเหรอ? ผมตอบว่าผมปั่นขึ้นดอยมาครับ จะปั่นเข้าเชียงใหม่แต่ไม่ไหวแล้ว คุณลุงก็ยิ้มๆ แล้วก็ขับรถมุ่งหน้าเข้าเชียงใหม่
รูปภาพ
หลังจากปั่นมา 10 กิโลฯ ก็ได้โบกรถคุณลุงเข้าเชียงใหม่
ความทรงจำที่สวยงาม
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=70&t=95953

ยังคิดถึงเสมอ Rivette H6
http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkato ... 26281&st=1
รูปประจำตัวสมาชิก
ตั๊ก Scott
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 220
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 10:09
Tel: 0815650092
team: ชมรมจักรยานดอนเมือง, Fat rider
Bike: Scott Addict R1, Ritchey Logic, Scott CR1, Specialized S-WORKS SL3, Bianchi Vigorelli, Giant Flight Mini
ติดต่อ:

Re: อินทนนท์คนพันธุ์อึด#10 : การเดินทางด้วยรถทัวร์ - จักรยาน - สองเท้า และมือโบก



โพสต์ โดย ตั๊ก Scott »

คุณลงจอดส่งผมที่ในตัวเมืองใกล้ๆ กับสนามบิน ผมยกมือไหว้ขอบคุณ คุณลงถามว่าไปที่พักถูกมั้ย ผมตอบว่าถูกครับ หลังจากคุณลุงขับรถออกไปผมก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาค้นหาเส้นทาง แล้วก็ปั่นไปโรงแรมที่ได้จองเอาไว้แล้วล่วงหน้า ผมเช็คอินประมาณบ่าย 4 โมง เข้าห้องได้ก็อาบน้ำ ซึ่งเสื้อผ้าด้วยแชมพูที่มีในห้องน้ำ นอนพักเปิดแอร์เย็นๆ จนถึงเวลาใกล้ค่ำ ก็แต่งตัวออกไปข้างนอก เซิร์จหาร้านอาหารเหนือร้านโปรด “เฮือนม่วนใจ๋” ที่อยู่ใกล้ๆ โรงแรม เดินไม่นานก็ถึงร้าน ผมเข้าไปนั่งคนเดียวกับกระเป๋าเป้ 1 ใบ รับเมนูมาสั่งอาหาร ..นี่ถ้าครอบครัวมาด้วย คงสั่งอาหารมากินเต็มที่ ให้สมกับความเหนื่อยล้า ดูไปดูมา ..เอาลาบเหนือ, ยำหน่อไม้ แล้วก็เนื้อย่าง ข้าวเหนียว นั่งเล่น facebook สักพักอาหารก็มาครบ โต้ะข้างหน้าผมมีฝรั่งผู้หญิงท่านหนึ่งมานั่งและกินอยู่ก่อน เช็คบิลออกไป เมนูที่เห็นคือ ออร์เดิร์ฟเมือง ที่จะมีไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม อะไรประมาณนี้ เห็นแล้วเค้าก็กินไปได้นิดเดียว สงสัยท่าทางจะเผ็ด ส่วนโต๊ะอื่นเค้าก็มากินกัน 2 - 3 คน บ้างก็โต๊ะใหญ่ เค้ามองแล้วก็คงสงสัยว่า คนไทยคนนี้มากินอะไรคนเดียวแน่ๆ เลย
รูปภาพ
ร้านอาหารเหนือที่ผมชอบมาประจำ
รูปภาพ
มาคนเดียว ทานคนเดียว แค่นี้ก็พอ

ผมกินเสร็จก็เหมือนทุกครั้งที่มาเชียงใหม่ คือนั่งรถสองแถวไปถนนคนเดิน ทุกซอกทุกซอย คล้ายๆ กับทุกปีที่เคยมา ของขายก็เน้นของฝากชาวต่างชาติ แต่ปีนี้เห็นจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนมามากผิดหูผิดตา มีเยอะมากๆ ผมเดินจนสุดถนน แล้วก็เดินกลับที่พัก ได้ข้าวเหนียวสังขยา สตรอเบอรรี่ และขนมปังมากินตอนเช้า กับเสื้อยืดเพื่อใส่กลับกรุงเทพหนึ่งตัว กลับมาถึงห้องก็พักผ่อนนอนเปิดไฟ เพราะค่อนข้างกลัวเลย ..พูดตรงๆ
รูปภาพ
ถนนคนเดินประตูท่าแพ
ความทรงจำที่สวยงาม
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=70&t=95953

ยังคิดถึงเสมอ Rivette H6
http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkato ... 26281&st=1
รูปประจำตัวสมาชิก
ตั๊ก Scott
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 220
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 10:09
Tel: 0815650092
team: ชมรมจักรยานดอนเมือง, Fat rider
Bike: Scott Addict R1, Ritchey Logic, Scott CR1, Specialized S-WORKS SL3, Bianchi Vigorelli, Giant Flight Mini
ติดต่อ:

Re: อินทนนท์คนพันธุ์อึด#10 : การเดินทางด้วยรถทัวร์ - จักรยาน - สองเท้า และมือโบก



โพสต์ โดย ตั๊ก Scott »

รูปภาพ
แวะร้านกาแฟริมลำธาร
รูปภาพ
มาคนเดียว กินนิดเดียว
รูปภาพ
ถ้ามีเวลาก็น่าลงไปแช่น้ำเล่น

20 กุมภาพันธ์ : วันปั่นแม่ริม-โป่งแยง-สะเมิง-หางดง-เชียงใหม่ และแถมด้วยดอยสุเทพ

 ผมตื่นนอนตอนเช้าแบบไม่รีบ ขอนอนให้เต็มที่ก่อน จะกี่โมงก็ช่าง ตื่นมา 8 โมงกว่าก็ค้นหาของกินในตู้เย็น กินของที่มีให้อิ่ม จากนั้นก็เก็บกระเป๋าเป้ให้เรียบร้อย ใส่ชุดปั่น แล้วก็เช็คเอาท์และฝากระเป๋าเป้เอาไว้กับล็อบบี้อีกเช่นเคย “ผมจะไปเที่ยวก่อนครับ แล้วเย็นๆ จะกลับมานะครับ” จากนั้นผมก็เริ่มปั่นจักรยานออกมา เส้นทางมุ่งหน้าไปทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จากนั้นก็เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 121 ไปทาง อ.แม่ริม ทางบางริมคลองเป็นถนนสี่เลน รถวิ่งเร็ว จนเริ่มมองเห็นฝั่งซ้ายของคลองมีถนนเล็กๆ น่าจะไปได้ ก็ข้ามไปวิ่ง ปรากฏว่าเป็น “เลนจักรยาน” ที่จัดเอาไว้ดีมากๆ ทางสวย รถน้อย และไม่มีรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาวิ่งเลย
รูปภาพ
ทางเส้นนี้วิ่งไปได้จนถึงถนนสาย 1096 แล้วก็ตัดเข้าเส้นแม่ริมเลยทีเดียว ผมชอบครับ ขอบคุณมากๆ ที่ทำทางจักรยานดีๆ เอาไว้ให้ เส้นทางนี้ผมเพิ่งเคยมาครั้งแรกทั้งๆ ที่มาเชียงใหม่หลายต่อหลายครั้ง ก่อนถึงน้ำตกแม่สา ผมเลี้ยวเข้าไปนั่งร้านกาแฟเล็กๆ มีลำธารน้ำเป็นจุดขาย ดูเงียบสงบ และมีความเป็นส่วนตัวสูง ชื่อร้าน “กาแฟริมลำธาร นั่งเล่น” ทางร้านใจดีให้ผมแบกจักรยานลงไปได้ เพื่อความสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าจะหาย ผมเลือกที่นั่งริมน้ำ ส่ังกาแฟเย็น 1 แก้ว กับใส่กรอกทอด ที่ทานไม่เยอะเพราะกินอะไรมาก่อนแล้ว และอยากแวะชมอะไรไปเรื่อยๆ หลายๆ ร้าน
รูปภาพ
รูปภาพ
ทางขึ้นไปชันมากๆ แต่ก็สวย และคุ้มค่า

ปั่นออกมาสักพักก็เจอน้ำตกแม่สา ผมปั่นเข้าไปจนถึงประตู แต่ก็ไม่ได้ลงไปเพราะคงไม่ได้ไปเล่นน้ำหรอก หลังจากนั้นก็ปั่นตามทางมาเรื่อย ทางโค้งบ้าง ทางชัน ทางขึ้นเขา มีมาเรื่อยๆ ระหว่างทางก็เจอฝรั่งปั่นจักรยานสวนลงมา 4-5 คัน ก็ทักทายกันไปตามประสา ผมปั่นจนมาถึงสวนพฤกษศารสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เห็นว่ามีทางเดินบนยอดไม้ ก็เลยแวะเข้าไปดู ค่าเข้า+ค่าเดินบนทางชมยอดไม้แค่ 40 บาทเท่านั้น พอซื้อตั๋วเสร็จพนักงานมองผมแล้วถามว่า “พี่ปั่นจักรยานมาเหรอ...งั้นปั่นขึ้นไปได้เลยนะครับ” ตอนนี้ในใจก็คิดว่า น้องเค้าใจดีจัง คิดว่าจะให้ฝากจักรยานเอาไว้ตรงนี้ แล้วนั่งรถนำเที่ยวขึ้นไป ...ปรากฏว่า “ทางชันมากครับ” เรียกว่า ชันโคตรๆ เลยก็ว่าได้ แค่เนินแรกก็ชันสุดๆ เค้าคงแอบเชียร์ผมอยู่ว่าจะปั่นขึ้นไปได้มั้ย หรือว่าต้องลงเดิน นักศึกษาที่นั่งอยู่บนรถนำเที่ยวก็ส่งเสียงเชียร์กันดังลั่น “ไหวมั้ย..ไหวมั้ย...เฮ่!!” เป็นความสนุกสนาน และเป็นสีสันดีนะครับ..ผมชอบ ผมปั่นขึ้นมาได้จนถึงจุด Canopy walkway ก็ได้พบกับมิตรไมตรีอีกระรอก เจ้าหน้าที่คนนึงบอกผมว่า จอดจักรยานตรงนี้ได้เลยครับ เดี๋ยวจะดูแลให้ พร้อมกับเดินเข้ามาคุยด้วยและแนะนำตัวว่าเค้าก็ปั่นจักรยานเหมือนกัน จากนั้นก็คุยกันยาวมากๆ เค้าบอกว่าเค้ามาทำงานที่เชียงใหม่ก็ปั่นเส้นสะเมิงนี้บ่อยๆ แต่ยังไม่เคยไปปั่นขึ้นดอยอินทนนท์เลยสักครั้ง
รูปภาพ
ฝากรถจักรยานไว้แล้วเดินเข้ามาเที่ยว
รูปภาพ
รูปภาพ
สุดทางแล้ววิวสวยๆ

จากนั้นผมก็เข้าไปเดินเล่น ถ่ายรูปทางเดินบนยอดไม้ ยอมรับเลยว่าสวยมากๆ ครับ เคยไปเดินที่สิงคโปร์ก็รู้สึกว่าอันนั้นไม่ใช่ต้นไม้จริง เป็นทางเดินสั่นๆ ให้ดูตึกของเค้ามากกว่า แต่ของเราได้อยู่บนยอดไม้สูงๆ มีวิวสวยๆ ผมว่าคุ้มค่ามากๆ ผมเดินครบรอบก็มารับจักรยานแล้วปั่นลงมาทางเดิม เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าสามารถปั่นไปอีกทางนึงได้รอบสวนเลย เอาไว้โอกาสหน้าละกันนะครับ

ความทรงจำที่สวยงาม
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=70&t=95953

ยังคิดถึงเสมอ Rivette H6
http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkato ... 26281&st=1
รูปประจำตัวสมาชิก
ตั๊ก Scott
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 220
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 10:09
Tel: 0815650092
team: ชมรมจักรยานดอนเมือง, Fat rider
Bike: Scott Addict R1, Ritchey Logic, Scott CR1, Specialized S-WORKS SL3, Bianchi Vigorelli, Giant Flight Mini
ติดต่อ:

Re: อินทนนท์คนพันธุ์อึด#10 : การเดินทางด้วยรถทัวร์ - จักรยาน - สองเท้า และมือโบก



โพสต์ โดย ตั๊ก Scott »

รูปภาพ

ผมปั่นต่อไปเรื่อยๆ ตามทาง เห็นป้ายโป่งแยงก็จะเจอเขาที่มีทางชันแบบพับผ้าอยู่ช่วงนึง ในใจคิดว่าคงมาถึงแล้วมั้ง “เจ็ดพับ” ที่ใครๆ พูดถึงกัน "แต่เอ๊ะ.. ทำไมไม่เห็นศาลา 12 สิงหาฯ ที่เค้าชอบถ่ายรูปกัน" ผมปั่นไปจนเจอป้ายจุดชมวิวป่าสะเมิง แวะถ่ายรูปกับป้ายเสร็จก็ปั่นต่อ เป็นทางลงเขาไปเรื่อยๆ ซึ่งผมคิดในใจว่า ไหลลงไปสักพักก็คงถึงหางดงแล้วสิ ผมปั่นมาจนเจอสามแยกที่มีป้อมตำรวจ ผมเข้าไปคุยด้วยเพราะอยากรู้ว่าใกล้ๆ นี้มีร้านน้ำบ้างรึเปล่า เพราะน้ำในกระติกทั้ง 2 ใบของผมหมดเกลี้ยงแล้วตอนนี้ คุณตำรวจก็บอกว่าให้ “เลี้ยวขวา” ลงไปสะเมิงก่อน ไปเที่ยวไร่สตรอเบอรี่ก่อน ร้านอาหารก็มี ถ้าเลี้ยวซ้ายไปหางดงจะไม่มีร้านค้าอะไรเลย ..ยังอีกไกล


ในใจผมคิดเล่นๆ ว่าเลี้ยวซ้ายไปก็คงถึงแล้วมั้ง แต่ไม่เป็นไร ปั่นเข้าไปสะเมิงก่อนก็ได้ แล้วก็เลี้ยวขวาลงเนินไป "เฮ้ย! ทำไมมันลงเขาชัน และยาวแบบนี้ แล้วขาขึ้นที่ต้องปั่นกลับมาล่ะ?" เอาแล้วสิ ไม่น่าเชื่อคุณตำรวจเลย ผมปั่นลงมาจนเจอร้านขายสตรอเบอรี่ เห็นมีตู้น้ำอยู่ก็เลยแวะซื้อน้ำ 2 ขวด กินน้ำเกลือแร่ ขนมคุ๊กกี้ 1 ห่อ และกินเจลที่เตรียมมาอีก 1 ซอง ตอนนั้นก็เกือบบ่ายโมงแล้ว หิวก็หิว แต่ก็คงไม่ลงไปลึกกว่านี้ ผมนั่งพักสักครู่ก็เร่ิมปั่นกลับขึ้นมา ระยะทางประมาณ 2 กิโลฯ ได้ แต่เป็นทางชันขึ้นเขาตลอด ไม่มีทางราบให้พักเลย ผมปั่นเรื่อยๆ ใจก็คิด “ไม่น่าลงมาเลย” ปั่นจนถึง 3 แยกป้อมตำรวจ แล้วก็ปั่นต่อไป อ้าว... ทางยังคงขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ขึ้นไปเรื่อยๆ ทางชันๆ ยาวๆ เลย
รูปภาพ
รูปภาพ
เส้นทางเจ็ดพับ เจอพับแล้วพับอีก

แล้วก็เริ่มมี “พับแรก” อ๋อ..นี่นะหรือ “เจ็ดพับ” ผมปั่นผ่านพับแล้วพับเล่า พับที่ 3 ที่ 4 จนมาถึงทางชันยาวๆ แบบไม่มีพัก ตอนนี้ผมนึกขอบคุณคุณตำรวจแล้วล่ะครับ เพราะถ้าผมดื้อเลี้ยวซ้ายมาก่อน จะไม่มีแม้น้ำสักหยดในกระติก และไม่มีอะไรอยู่ในท้องผมเลย ผมปั่นผ่านทุกพับจนได้มาพบกับ “ศาลา 12 สิงหาคม 2548. ม.6” อืม..มันเป็นแบบนี้นี่เอง แวะถ่ายรูปว่าผมได้มาพิชิตแล้วก็ปั่นต่อไป ไหลลงเขายาวๆ ไปจนถึงหางดง แวะกินข้าวตามสั่งที่ร้านข้างทาง แล้วก็ปั่นเลี้ยวซ้ายเข้าเมืองเชียงใหม่
รูปภาพ
ศาลา 12 สิงหาคม 2548 ที่ทุกคนมักจอดถ่ายรูป

ระหว่างทางเหลืออีก 10 กิโลฯ ผมก็คิดขึ้นมาได้ว่า “ไปต่อดอยสุเทพ ไหนๆ มาแล้วต้องปั่นให้ครบ” แล้วจะทันขึ้นรถทัวร์เที่ยวกลับรึเปล่านะ จากการคำนวนคร่าวๆ เผื่อเวลาสัก 2 ชั่วโมงก็น่าจะทัน พอมาถึงแยกทางขึ้นดอยสุเทพ ผมก็เลี้ยวซ้ายขึ้นไปทันที และเส้นทางในหัวจากที่เคยมาปั่นครั้งก่อนก็กลับมาเข้ามา ผมรู้ว่าร่างกายผมล้าเต็มทีแล้วจากการปั่นขึ้นดอยอินทนนท์เมื่อวาน และการปั่นเจ็ดพับ-สะเมิงในวันนี้ แต่ไม่เป็นไร ไม่ต้องรีบ ควงขาด้วยเกียร์เบาๆ ไปละกัน ไม่ออกแรงกด ผมปั่นมาจนเกือบจะถึงหน้าวัด เหลือระยะทางอีก 2 กิโลฯ ก็เจอเนินสุดท้ายที่ชันสุดๆ ตอนนั้นแหละที่ต้องออกแรงกดบันได ต่อเนื่องไปจนถึงเนินหน้าวัดที่ชันยาวๆ อีกให้ได้ปวดขา
รูปภาพ
กลับตัวหน้าวัดพระธาตุดอยสุเทพ
รูปภาพ
ฝากพี่ๆ นักปั่นถ่ายรูปให้

พอปั่นมาถึงผมรีบขอให้พี่ๆ นักปั่นแถวนั้นถ่ายรูปให้ แล้วก็รีบปั่นกลับลงทันที เพราะเวลาตอนนั้นก็ 5 โมงครึ่งแล้ว การปั่นลงก็ปล่อยไหลเรื่อยๆ มีพี่ๆ ปั่นมาด้วยกัน 2 คัน ผมลงมาถึงที่พักที่ฝากกระเป๋าเอาไว้ตอน 6 โมงกว่าๆ ขอใช้ห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนชุด เอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัว แล้วก็รีบปั่นออกไปที่ท่ารถทันที ด้วยความที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าท่ารถทัวร์อยู่ไหน ก็ต้องอาศัยกูเกิลแม็พช่วยหาทาง ผมปั่นมาถึงยังพอมีเวลา ก็ซื้อเทปกาว กับขอกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าจากแม้ค้าเอามาห่อเฟรม เพราะขามาได้รอยแผลจากการขูดขีดมา 1 รอย ขากลับก็ขอเซฟเอาไว้หน่อย ขากลับผมเสียค่าระวางจักรยาน 175 บาท อาจจะเป็นเพราะมาขึ้นที่ต้นสายก็เป็นได้ หลังจากขึ้นรถแล้วคงไม่ต้องบอกว่า หลับสนิทไม่เงยหน้าขึ้นมาเลยครับ ผมเดินทางมาถึงรังสิตตอนตี 5 รีบนั่ง Taxi เข้าบ้านอาบน้ำอาบท่า และไปทำงานต่อเป็นอันจบทริปการเดินทางเชียงใหม่-อินทนนท์ครั้งนี้อย่างสมบูรณ์

รูปภาพ

ขอขอบคุณ : ThaiMTB ที่ให้พื้นที่แบ่งปันประสบการณ์, ขอบคุณผู้ร่วมทางทุกท่านที่ผมได้พบเจอ, ผู้คนใจดีที่ให้อาศัยรถไปในที่ต่างๆ, มิตรภาพระหว่างนักปั่น ที่พูดคุยกันอย่างดี แม้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และขอบคุณครอบครัวที่ให้ผมเดินทางดั่งที่ใจหวังไว้ ถือเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดครั้งหนึ่ง ขอบคุณครับ
ความทรงจำที่สวยงาม
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=70&t=95953

ยังคิดถึงเสมอ Rivette H6
http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkato ... 26281&st=1
รูปประจำตัวสมาชิก
Tangchai007
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 480
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ส.ค. 2013, 09:22
Bike: รถมือสอง

Re: อินทนนท์คนพันธุ์อึด#10 : การเดินทางด้วยรถทัวร์ - จักรยาน - สองเท้า และมือโบก



โพสต์ โดย Tangchai007 »

อ่านจนจบ สุดยอดเลยครับ แห่งความกล้า ความพยายาม ความแข่งแกร่ง ไปคนเดียวด้วย
รูปประจำตัวสมาชิก
ตั๊ก Scott
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 220
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 10:09
Tel: 0815650092
team: ชมรมจักรยานดอนเมือง, Fat rider
Bike: Scott Addict R1, Ritchey Logic, Scott CR1, Specialized S-WORKS SL3, Bianchi Vigorelli, Giant Flight Mini
ติดต่อ:

Re: อินทนนท์คนพันธุ์อึด#10 : การเดินทางด้วยรถทัวร์ - จักรยาน - สองเท้า และมือโบก



โพสต์ โดย ตั๊ก Scott »

Tangchai007 เขียน:อ่านจนจบ สุดยอดเลยครับ แห่งความกล้า ความพยายาม ความแข่งแกร่ง ไปคนเดียวด้วย
ขอบคุณมากครับผม
ความทรงจำที่สวยงาม
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=70&t=95953

ยังคิดถึงเสมอ Rivette H6
http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkato ... 26281&st=1
โอ๊ก
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1227
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ส.ค. 2008, 10:20
Tel: 0875897608
team: ไปเรื่อยๆ
Bike: เมริด้า แลนด์เกียร์
ตำแหน่ง: ซ.อ่อนนุช 46
ติดต่อ:

Re: อินทนนท์คนพันธุ์อึด#10 : การเดินทางด้วยรถทัวร์ - จักรยาน - สองเท้า และมือโบก



โพสต์ โดย โอ๊ก »

สนุกดีครับ ชอบๆ ขอบคุณครับ
ปั่นไกลแค่ตามองเห็น
เสือหมอบ Bianchi DAMA-BIANCA She Alu7000 เป็นรถสำหรับผู้หญิง ขนาด 44
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=3&t=1479426
รูปประจำตัวสมาชิก
ตั๊ก Scott
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 220
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 10:09
Tel: 0815650092
team: ชมรมจักรยานดอนเมือง, Fat rider
Bike: Scott Addict R1, Ritchey Logic, Scott CR1, Specialized S-WORKS SL3, Bianchi Vigorelli, Giant Flight Mini
ติดต่อ:

Re: อินทนนท์คนพันธุ์อึด#10 : การเดินทางด้วยรถทัวร์ - จักรยาน - สองเท้า และมือโบก



โพสต์ โดย ตั๊ก Scott »

โอ๊ก เขียน:สนุกดีครับ ชอบๆ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับผม
ความทรงจำที่สวยงาม
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=70&t=95953

ยังคิดถึงเสมอ Rivette H6
http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkato ... 26281&st=1
รูปประจำตัวสมาชิก
ตั๊ก Scott
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 220
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 10:09
Tel: 0815650092
team: ชมรมจักรยานดอนเมือง, Fat rider
Bike: Scott Addict R1, Ritchey Logic, Scott CR1, Specialized S-WORKS SL3, Bianchi Vigorelli, Giant Flight Mini
ติดต่อ:

Re: อินทนนท์คนพันธุ์อึด#10 : การเดินทางด้วยรถทัวร์ - จักรยาน - สองเท้า และมือโบก



โพสต์ โดย ตั๊ก Scott »

ประเสริฐ วสุปัญญาดี เขียน: :P สุดยอด
ขอบคุณมากครับผม
ความทรงจำที่สวยงาม
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=70&t=95953

ยังคิดถึงเสมอ Rivette H6
http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkato ... 26281&st=1
Rawat.34
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มิ.ย. 2016, 11:15

Re: อินทนนท์คนพันธุ์อึด#10 : การเดินทางด้วยรถทัวร์ - จักรยาน - สองเท้า และมือโบก



โพสต์ โดย Rawat.34 »

ผมตามอ่านจนจบสุดยอดการวางแผนเลยครับ
ตอบกลับ

กลับไปยัง “สรุปทริป / รายงานการปั่น”