ได้เวลาของสนาม BRM ที่โหดที่สุดของเมืองไทย (อย่างน้อยก็ ณ.เวลานี้) ด้วยความยากระดับ PBP Grade ที่ ART กำหนดเงื่อนไขว่าสนาม PBP Grade ต้องไต่ความสูง 1% ของระยะทางที่วิ่ง เพราะฉะนั้น 600 กม.นี้ก็ต้องไต่ความสูงรวมให้ได้ 6,000 เมตร (6 กม.) ด้วยสภาพเส้นทางที่แทบจะไม่มีทางราบตั้งแต่ต้นจนจบ ต้องขึ้นๆลงๆเนิน (บางจุดเรียกว่าไต่เขาเถอะ)อยู่ตลอดเวลา แถมเส้นทางที่ไม่ใช่ทางหลัก อาหารการกินก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบเส้นพัทยา-ตราด ร้านรวงข้างทางนี่ถ้าได้เจอแทบมองได้ว่าเป็นโอเอซิสกลางทะเลทรายกันเลยทีเดียว เส้นทางจากที่เคยมาปั่น Test Run 200 จอมบึงบางจุดทางก็ไม่ใช่จะดีนัก ครั้งนั้นมีนักปั่นล้มจนเจ็บมาแล้ว ... บางท่านก็ให้นิยามสนามนี้ว่าถ้าผ่านมันไปไม่ได้ก็อย่าเสียเงินเสียทองไป PBP เลย
หลังจากที่ผ่าน 200 หล่มสักมาแบบรากเลือด ผมก็เกิดอาการขยาดเนินเพราะวันนั้นไต่เขาตะกายเนินตั้งแต่เช้ายันค่ำจนล้าไปหมด ความตั้งใจแรกก็คิดว่าจะบายสนามนี้แล้ว แต่พอพักกายหายเหนื่อยความมั่นใจเล็กก็ประกายขึ้นว่าน่าจะลองดูสักตั้งอาจจะผ่านก็ได้ (มั้ง) แต่อย่างน้อยก็ขอปั่นจนจบก็ยังดี
ตัดฉับมาเช้าวันเสาร์เลยดีกว่า
Start: ม.ราชภัฎจอมบึง
เริ่มออกตัวลางดราม่าก็มาเยือนทันที การ์มินที่โหลดแผนที่มาก็ออกลูกดื้อ กด Ride เพื่อใช้ฟังก์ชั่น Navigator ไม่ได้เอาซะอย่างงั้น กดรีเซท,ปิดเปิดเครื่องใหม่ 2-3 รอบก็ไม่หาย เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นชาวบ้านชาวช่องเค้าออกไปกันเกือบหมดแล้ว ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลยใช้วิธีอ่านคิวชีทแทนก็แล้วกัน คิดในเง่ดีจะได้ไม่เปลืองแบทมาก (แล้วกรูจะพก Powerbank 2 ก้อนมาให้หนักทำไมเนี่ย) เริ่มต้นการปั่นด้วยการปั่นรั้งท้ายท่ามกลางอากาศเย็นๆยามเช้า แดดอ่อนๆกำลังสบายอยากให้อากาศเป็นแบบนี้ทั้งวันจังเลย (และเราก้ได้สิทธ์นั้น เพราะวันนี้ฟ้ามีเมฆมากไม่ร้อนตับแตกอย่างที่คาด) นวดเนินเบาๆถือเป็นการวอร์มขาวอร์มเข่าไปเรื่อยๆประมาณ 40 กม.จนถึง Control Point แรกที่เลื่อนจากคิวชีทไปร่วมกิโล ทำเอาผมนึกว่าเอาแล้ว กรูหลงทางตั้งแต่หัววันเลย
ออกจาก Control Point ก็ได้เวลาเผาจริง มหกรรมไต่เขาตะกายเนินได้เริ่มขึ้นแล้ว จำได้คร่าวๆว่าไต่เนินสูงๆไป 2 ลูก ค่อนข้างเร่งที่จะเข้า Check Point เพื่อเผื่อทำเวลาเผื่อเอาไว้ให้มีเวลานอนพักระหว่างทางบ้าง ช่วงนี้ยังไม่ถือว่าโหดนัก ส่วนหนึ่งก็เพราะเป็นช่วงเริ่มต้นร่างกายยังสดอยู่ ไต่เนินนี่ยังรู้สึกชิวๆอยู่
CP1: น้ำพุร้อนโป่งกระทิง
แค่ Check Point แรกก็เล่นไปแล้วร้อยกว่ากม. สาหัสใช่เล่น แถมตอนเลี้ยวเข้าทางเข้าน้ำพุร้อนฯ ก็ได้เจอนักปั่นหลายท่านที่คุ้นหน้าคุ้นตากันแต่เค้าออกมาจาก Check Point กันแล้วช่างบั่นทอนกำลังใจสิ้นดี แต่ไม่เป็นไรเค้าขาแรง เรามันขาอ่อนแต่เปรี้ยวอยากลองของคิดในแง่ดีเข้าไว้ใจมันจะได้นิ่งฮ่าๆ 1 กม.ก่อนถึงจุด Check Point นี่เป็นทางลูกรังเวลาปั่นก็ต้องระวังพอสมควร ขากลับนี่ถ้าเข้ามาตอนมืดๆนี่คงเสียวน่าดูชม ผมเข้ามาที่นี่ประมาณเที่ยง เท่ากับมีเวลาทดในมือแล้วร่วม 2 ชม. ถือว่ายังไม่ผิดแผนสักเท่าไหร พักนิดหน่อยประมาณ 15 นาทีก็ออกต่อเลย พักนานแล้วพาลจะขี้เกียจเอา
พายุเนินยังคงถาโถมมาอย่างต่อเนื่อง ออกมานิดนึงเส้นทางก็เริ่มทับกับเส้น 200 จอมบึงแล้ว ก็ถือว่าเป็นเส้นทางที่คุ้นอยู่บ้างเลยอ่านคิวชีทด้วยความมั่นใจมากขึ้น เนินหินกองที่คราวที่มาเจอตอนเช้าแต่วันนี้มาพบเจอกันตอนแดดกำลังดีแรงกำลังหด มันช่างทรมาณทรกรรมยิ่งนัก แต่ก็ยังผ่านมาได้โดยยังไม่ต้องลงจูงอย่างที่เกรง
CP2: ครัวสจ.
เข้ามาถึง Check Point โดยที่เริ่มเห็นเค้าลางว่าไม่ค่อยดีแล้ว เพราะว่าเวลาที่ทดไว้ก็ลดลงมาเหลือแค่ 1.5 ชม .ก็ถือว่าไม่ผิดแผนมากนัก Check Point ถัดไปเวลาปิดคือ 4 ทุ่ม ระยะทาง 70 กม. กับเวลา 6.5 ชม เหมือนจะง่ายแต่นั่นล่ะครับหนังชีวิตกำลังรอเราอยู่ข้างหน้า
ออกจากครัวสจ. ก็เข้าสู่เส้นทางจักรยานของสวนผึ้ง ไต่เนินอูหลง (บางคนเค้าเรียกว่าเนินไส้แตก) วกเข้าย่านรีสอร์ทเห็นเค้าร้องรำทำเพลงล้อมวงทานอาหารเย็น ช่างน่าอิจฉาจริงๆ พ้นเขตสวนผึ้งผ่านบ้านพักตชด.ได้สักพักความมืดก็เริ่มมาเยือน จากสลัวๆกลายเป็นมืดตึ๊ดตื๋อตั้งแต่เมื่อไร่ก็ไม่รู้ ไฟข้างทางก็ไม่มีเป็นการปั่นท่ามกลางความมืดของแท้ ยังดีที่มีเพื่อนนักปั่นที่เกาะกลุ่มกันมา 4 คนเลยไม่เหงามากนัก ย่านนี้จริงๆแล้วเป็นทางลงยาวๆ แต่ก็ทำเวลา/ความเร็วมากไม่ได้ เพราะมองทางได้ไม่ไกล แต่แล้วก็โดนเข้าจนได้ในช่วงทางลงจากเนินหินสี มีหลุมน้ำขังอยู่กลางทางมองจะหลบไปจุดที่ไม่มีน้ำก็ไม่ทันแลว ก็พุ่งลงล้อหน้ากระแทกลงหลุมรถสะบัดจนเกือบล้ม ดีที่ปลดคลีททัน แต่แรงกระแรกทำเอามือสะท้าน+สะเทือนไปถืงหัวเลย เช็ครถก็โชคดีที่ยางไม่แตกล้อไม่เป็นอะไร (ต้นรวิก็ตกหลุมเดียวกั ที่สำคัญไม่สะบัดไปโดนคนอื่นเข้า เพราะไหลตามๆกันมา 4 คัน หลังจากนั้นก็ปั่นแบบมึนๆไปเรื่อยๆจนถึงทางเข้าพุน้ำร้อน เนิน(จริงๆน่าจะเรียกว่าเขานะ)ที่มีความชันสูงสุดในสนามนี้ที่ 14.8% บดไปเท่าไหร่มันก็ไม่ถึงยอดสักที ขึ่นมาเจอโค้งก็ยังขึ้นต่อไปเรื่อยๆ จนผ่านไปประมาณ 5 กม.นั่นล่ะครับถึงจะได้ลง -___- พอลงได้ก็ทิ้งไหลไม่ได้อีก เพราะทางกำลังก่อสร้าง กรวดเต็มถนนเลย ขืนปล่อยไหลแล้วลื่นนี่ได้แดกกรวดแน่นอน ก็พยามยามประคองเข้า CP ที่ครัวมุกดาที่อยู่ไม่ไกล
ไอ้ร่องตรงกลางนั่นล่ะครับ CP ใครหนอช่างคิดจริง
CP3: ครัวมุกดา
70 กม.ที่ผ่านมาผมใช้เวลาไป 5.5 ชั่วโมง เข้ามาที่นี่ในเวลาประมาณ 3 ทุ่ม เวลาที่ทดไว้ก็หดมาเหลือแค่ชม.เดียวเท่านั้น เลยพักนิดนึงเติมน้ำแล้วออกปั่นต่อทันที แต่เนื่องด้วยว่า CP นี้เห็นเหมือนทางที่ต้องแวะเข้ามาไม่ใช่ทางผ่าน เพราะฉะนั้นมาทางไหนก็ต้องกลับไปทางนั้น ต้องตะกายเขาลูกเดิมกลับออกไปอีก เฮ้อ หนังชีวิตแท้ๆ แต่ยังดีที่ขากลับปีนเขาแค่ 3 กม.และขาลงทางดีมากเลยลงได้ยาววววว พ้นมาจากนี้ก็ทางก็ถือว่าเป็นพื้นที่ทางราบที่สุดของสนามนี้แล้ว ตอนออกมานี่ไม่มีใครตามมาเลย แถมยังตามคนข้างหน้าไม่ทันอีก เลยกลายเป็นว่าช่วงนี้ผมปั่นคนเดียวท่ามกลางความืด เงียบเหงาวังเวงดีจัง ยังดีที่มีหมาตามทางเห่าทักทายบ้างก็วิ่งมาส่งเป็นระยะให้หายเหงา (ทีหลังไม่ต้องก็ได้ ตรูไม่มีแรงสปรินท์หนี) จนมาถึงทางแยกเข้าค่ายไทรโยคซึ่งถนนก็ขรุขระอีกแล้ว ไล่ความง่วงได้ชะงัดนัก ปั่นไม่ระวังลื่นไปได้แดกดินแน่
CP4: ค่ายไทรโยค
เข้ามาถึงที่ค่ายตอน 5 ทุ่ม เลทจากที่ตั้งใจไว้ว่าจะต้องถึงตอน 4 ท่มไปชม.นึง แต่ก็สามารถทำเวลาทดกลับไปที่ประมาณ 1.5 ชม. ตามแผนตั้งใจจะว่าจะนอนเอาแรงสักนิดแล้วค่อยต่อ เพราะฉนั้นก็นอนครับ กะว่าจะออกปั่นต่อไม่เกินเที่ยงคืน
................... "พี่ๆ จะปั่นต่อรึเปล่าครับ" เสียงน้องทหารเข้ามาปลุก ไอ้เราก็งัวเงียๆถามไปว่ากี่โมงแล้ว "ตีหนึ่งกว่าแล้วครับ"
..... "ฉิบหาย!!" นอนเพลิน จากมีเวลาทดตอนนี้ CP ปิดไปแล้วครึ่งชั่วโมง ตาสว่างทันทีเก็บสัมภาระเติมน้ำ (ทำไมไม่เติมให้เสร็จก่อนนอน) แล้วก็รีบเผ่นทันที
ออกปั่นคนเดียวคลำทางจนออกถนนแสงชูโต คิดว่าเป็นเส้นทางหลักแล้วน่าจะทำความเร็วได้ แต่ยิ่งปั่นยิ่งหดความเร็วก็ตกลงเรื่อยๆ ความง่วงก็เข้ามาโจมตีเป็นระยะๆ จำได้ว่าช่วงนี้ต้องไต่เขา 2 ลูกก่อนถึง CP ถัดไปที่ กม. 350 แต่ความรู้สึกคือปั่นไปเท่าไหร่ก็ไม่ถึงยอดสักที ทั้งที่ความชันก็ไม่ได้เยอะเท่าเมื่อกลางวันด้วยซ้ำ ตอนนี้ล่ะครับที่ผีเริ่มเข้ามาหลอกหลอนแล้ว "พอเหอะ", "หยุดได้แล้วมั้ง", "จะเข้า CP ทันเร้อ", "ถึงเข้าทันก็ไม่ได้พักแล้วแน่ๆ", "ฝืนมากไปเดี๋ยวเจ็บนะเว้ย" สารพัดคำพูดวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา ขาก็ล้า เข่าก็ปวด ... ในที่สุดก็แพ้ใจตัวเองอีกแล้ว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเรียกทีมงานมารับ
600 ไทรโยคของผมก็จบลงด้วยประการฉะนี้ (พอหายเหนื่อยมาดูข้อมูลการปั่นของตัวเอง .... เข้!! กรูมาถอดใจตอนจะถึงยอดเนินแล้ว อีกนิดก็ได้ลงแล้ว)
สรุปนิดนึง:: สนามนี้โหดหินดราม่าทุกเนิน แต่ก็ประทับใจในความโหดหินนี่ล่ะ
งานนี้ต้องมีล้างตาแน่นอน ฝากไว้ก่อนเถอะไทรโยค!!!
บันทึก 600BRM ไทรโยค : โดนผีหลอกที่ไทรโยค
- evas
- สมาชิก
- โพสต์: 74
- ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 14:38
- Bike: Trek Marlin 7, Spe Allez C2, Bianchi Imola
- surasakde
- ขาประจำ
- โพสต์: 361
- ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ต.ค. 2013, 20:57
- Tel: 0812920สี่ห้าหนึ่ง
- team: อิสระอยุธยา
- Bike: เสือภูเขา Giant atr8200 เก่าๆญี่ปุ่น
Re: บันทึก 600BRM ไทรโยค : โดนผีหลอกที่ไทรโยค
งานนี้สอบตกเหมือนกันครับ ปั่นไป 530Km เวลา20.08 ไม่ทันเวลาCP#8 เหลือระยะทางอีก10กว่ากิโล CP ปิดที่19.20
มีรูปมานิดหน่อยหมดแรงสะพาย ขอฝากไว้ในกระทู้นี้ด้วย
มีรูปมานิดหน่อยหมดแรงสะพาย ขอฝากไว้ในกระทู้นี้ด้วย
เที่ยวหัวใจใหม่ ไปด้วยจักรยาน
https://www.facebook.com/profile.php?id=100001721654018
https://www.facebook.com/profile.php?id=100001721654018
- Supadej
- ขาประจำ
- โพสต์: 344
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 เม.ย. 2013, 09:59
Re: บันทึก 600BRM ไทรโยค : โดนผีหลอกที่ไทรโยค
สุดยอดครับ แค่คิดลงทดสอบก็หรูแล้ว ภาพสวยมากๆ ครับ สนามหน้าเจอกันนะครับ
- vuthvelo
- ขาประจำ
- โพสต์: 367
- ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ก.ค. 2014, 02:00
- Bike: MASI
Re: บันทึก 600BRM ไทรโยค : โดนผีหลอกที่ไทรโยค
เขียนได้สนุกมาก เห็นภาพ 3 D เลยครับ ขอบคุณที่เอามาแบ่งปันกัน
Live The Ride
- Tangchai007
- ขาประจำ
- โพสต์: 480
- ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ส.ค. 2013, 09:22
- Bike: รถมือสอง
Re: บันทึก 600BRM ไทรโยค : โดนผีหลอกที่ไทรโยค
เขียนสนุกเหมือนเดิม น่าติดตาม