ที่ขุดขึ้นมาก็ไม่ใช่เพราะอะไรหรอกครับ เพียงแต่วันนี้ ไปปั่นมารอบนึง แถมได้สถิติใหม่ของตัวเองด้วย ก็เลยอยากอวด 555
เพราะตื่นสาย ไปซ้อมไตรฯกับน้อง ๆ ไม่ทัน ผมเลยเปลี่ยนเป้าหมายเป็นปั่นจักรยานอย่างเดียว โดยเล็งเอาบายพาสซักรอบไม่เกินสองชั่วโมง กลับบ้านทันกินมื้อเช้าพอดี ... มาถึงสามเหลี่ยม ก็เจอเข้ากับเฮียจ่อยโดยบังเอิญ ... เฮียจ่อยตั้งใจจะไปเขื่อนกับกลุ่มทุ่งสร้างครับ แต่ไปรอที่ปั๊มปกฉัตร ไม่ยักเจอใคร แกเลยเปลี่ยนใจ จะไปปั่นในมอแทน ... ถามไถ่ผมได้ความว่าผมจะไปบายพาส ด้วยความที่ผมเอารถไตรฯออก แถมด้วยหมวกหางยาวซะด้วย แกคงกลัวผมมองทางไม่ถนัด ก็เลยรับจะไปปั่นตามระวังท้ายให้ ... สบายผมซิครับ ... ว่าแล้ว สองเฒ่า ก็ลิ่วไปทางสนามบิน เพื่อออกบายพาสวนซ้าย ตามที่ผมถนัดครับ
ผมเริ่มวอร์มรอบขามาตั้งแต่ออกไฟแดง ร.8 ... พอถึงบายพาส เครื่องก็ร้อนได้ที่ ก้มหน้าก้มตา ปั่น ,กด ,ควง แบบแทบไม่ได้ดูทาง เพราะสบายใจที่เฮียจ่อยปั่นตามมา คอยระวังรถหลังให้ ( ผมแค่ระวังรถวิ่งสวนทางอย่างเดียวครับ เจอแทบตลอดเส้นทางเหมือนกัน ) เหงื่อเริ่มชุ่มแผ่นหลัง ก็มาถึงไฟแดงบ้านสะอาด ... หันกลับไปมองหาเฮียจ่อย ... บ๊ะ ปั่นสบายจริงนะ พ่อคุณ ผิวปากเบาๆ พร้อมกับหยิบ MP3 ในกระเป๋ามาเลือกเพลง ... นัยว่า ผมปั่นช้าอย่างนี้ เอาเพลงเบาๆ ฟังสบายๆ ก็ได้ ไม่ต้องเร่ง ไม่ต้องรีบ 555
ไม่ว่ากันครับ ใคร ๆ ก็รู้ว่าเฮียจ่อยแกน่ะ คนละชั้นกับผมอยู่แล้ว (ผมอยู่ชั้นต่ำกว่าเยอะ
) ให้แกได้ทรมานกับการปั่นช้าบ้าง จะได้รู้สึกตัว
ผมก็ยังคงปั่นต่อด้วยความช้าคงที่ต่อไป เพราะรู้ดีว่า ขืนอัดแรงกว่านี้ อาจปั่นไม่ครบรอบเอาง่ายๆ ... เป้าหมายต่อไปก็คือ ไปติดไฟแดงที่แยกพิมานธานี จะได้พักอีกซักหน่อย
ไม่พลาดจริงๆครับ เห็นไฟเขียวสว่างโร่ตั้งแต่ลงสะพาน ผมก็รีบเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีก เพราะรู้ว่าจะไปทันติดไฟแดงที่สี่แยกพอดี ... ไปเร็วก็ได้พักเยอะครับ
หยิบน้ำมาจิบ หอบถี่ๆ ยังไม่ทันหายเหนื่อย ก็ไฟเขียว ต้องไปต่ออีกแล้ว ... แถมช่วงนี้ยาวซะด้วย กว่าจะได้พักก็โน่นแน่ะครับ ไฟแดงเคียมห้วย
ช่วงจากแยกพิมานฯ ไปสะพานข้ามมะลิวัลย์ช่วงนี้ เป็นช่วงที่ผมชอบจริงๆครับ ทางลงเนินน้อยๆ ไม่มีลม แถมถนนก็เรียบมาก ปั่นสบายที่สุดของวันนี้เลยครับ แต่พอข้ามสะพาน ก็เริ่มเจอแดดแรงขึ้น แถมมีทวนลมเล็ก ๆ ด้วย เหงื่อเริ่มไหลจากหน้าผากมาเลอะแว่นตาแล้วครับ มองทางไม่ค่อยถนัด ช่างมัน เดี๋ยวถึงแยกเคียมห้วยคงได้เช็ด ... ช่วงนี้ ผมแผ่วลงไปมาก ก่อนถึงไฟแดงซักกิโล ก็เริ่มกดเท้าไม่ลง น่องตึงจนกลัวจะเป็นตะคริว ... ถึงตอนนี้ เฮียจ่อยบัดดี้ของผมคงมองออก แกก็เลยฉีกขึ้นไปบังลมให้ แล้วลากผมไปจนถึงไฟแดงเพื่อจะพักเป็นช่วงที่สาม
ถึงตอนนี้ ชีพจรผมเต้นขึ้นไปแช่ที่ปลายโซนสี่แล้วครับ ผมปั่นช้าลงอีก เพื่อให้ชีพจรลดลงหน่อย เพราะเดี๋ยวต้องขึ้นโค้งกุ้ง ต่อด้วยขึ้นสะพานข้ามทางรถไฟ ... ถ้ายังหอบอย่างนี้ อาจขึ้นไม่ไหวได้ง่าย ๆ ... และก็เป็นตามคาดครับ ผมร่วงลงมาอีก ขณะที่เฮียจ่อยปั่นสบายๆ เลี้ยงรอบขาขึ้นไปรอผมอยู่บนสะพาน ผมกัดฟันยืนโยกรถตามขึ้นไปจนทัน แล้วก็ปล่อยรถไหลลงด้วยอาการป้อแป้สุดขีด ... เหลืออีกนิดเดียวก็จบแล้ว แต่เป็นช่วงท้ายที่มีแต่เนินทั้งนั้น 555 ... ผมชักกระติกน้ำมาดื่มฆ่าเวลาและเก็บอาการ แต่ปิดไม่มิดซะแล้ว ค่อยๆ กด ค่อยๆ ปั่นลอดใต้ถนนมิตรภาพ แล้วควงขาต่อไปเรื่อยๆ เพื่อไปไต่เนินโนนม่วง
ช่วงขึ้นเนินโนนม่วงนี่แหละครับ ที่เฮียจ่อยปั่นขึ้นมาตีคู่เพื่อถามอาการของผม ผมเลยโบกมือให้แกไปก่อนได้เลย ส่วนผม มั่นใจว่าไปได้แน่ ถ้าไม่เร่งไปมากกว่านี้ ... เฮียจ่อยเข้าใจสัญญาณมือได้ทันที แกหันหน้ากลับ เปลี่ยนเกียร์ แล้วควงขาไต่เนินขึ้นไปอย่างรวดเร็ว แค่อึดใจ ก็แทบจะหายลับไปจากสายตาผม
ผมหมดห่วงแล้ว ปล่อยขาเบา ปั่นตามสบาย ไม่กดดันตัวเองอีก จะขึ้นเนิน ลงเนิน ก็ประคองชีพจรเอาไว้อย่าให้ถึงโซนห้า ... ด้วยวิธีนี้ ผมก็พาตัวเองมาถึงปั๊ม ปตท. เป้าหมายได้ โดยรอดจากอาการตะคริวอย่างปาฏิหารย์ ... พร้อมกับสถิติใหม่ในการปั่นรอบบายพาสของผม ...
1 ชั่วโมง 36 นาที
ha ha ha ... ไม่น่าเชื่อจริงๆครับ ขอยกความสำเร็จครั้งนี้ให้กับเฮียจ่อย ที่คอยปั่นเป็นเพื่อนผม ตั้งแต่เริ่มจนจบ โดยไม่บ่นว่าเบื่อซักคำ ha ha ha
( ยาวอีกแล้วครับ รบกวนใครก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมเป็นพวก นานๆปั่นครั้ง แต่คุยเยอะ ก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละครับ
)