*-* ห้องสุขภาพนักปั่น*-*
ผู้ดูแล: Ligor007
กฏการใช้บอร์ด
ชมรมจักรยานนครศรีธรรมราช
ที่อยู่ 74/41 ถ.อ้อมค่าย ต.ท่าวัง อ.เมือง นครศรีธรรมราช 80000
โทร 089-8663343 คุณวิชาญ
โทร 081-4763322 คุณสุวาส ฐิตินันท์ ประธานชมรมจักรยานนครศรีธรรมราช
ชมรมจักรยานนครศรีธรรมราช
ที่อยู่ 74/41 ถ.อ้อมค่าย ต.ท่าวัง อ.เมือง นครศรีธรรมราช 80000
โทร 089-8663343 คุณวิชาญ
โทร 081-4763322 คุณสุวาส ฐิตินันท์ ประธานชมรมจักรยานนครศรีธรรมราช
- LIGOR 006
- ขาประจำ
- โพสต์: 1552
- ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ส.ค. 2008, 12:47
- Tel: 0817197094
- team: ชมรมจักรยานนครศรีธรรมราช ligorteam
- Bike: BIANCHI
Re: *-* ห้องสุขภาพนักปั่น*-*
แล้วใบจากละมีผลเสียมั้ยบอกเฮียแกหน่อย
- เสือเอNST
- ขาประจำ
- โพสต์: 1396
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2011, 13:19
- Tel: o869486765
- team: นครศรีธรรมราช
- Bike: Orbea ,Specialized, Exitway
Re: *-* ห้องสุขภาพนักปั่น*-*
ดูกันชัดๆระหว่างการทำงานของปอดที่สูบบุหรี่กับไม่สูบ
[youtube]0w2Syv8Y81s&feature=player_embedded[/youtube]
[youtube]0w2Syv8Y81s&feature=player_embedded[/youtube]
"จงเคารพสิ่งศักด์สิทธิ์ แต่อย่าได้อ้อนวอนขอพรจากท่านเลย" กฏข้อที่18 ของมูซาชิ
- เสือเอNST
- ขาประจำ
- โพสต์: 1396
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2011, 13:19
- Tel: o869486765
- team: นครศรีธรรมราช
- Bike: Orbea ,Specialized, Exitway
Re: *-* ห้องสุขภาพนักปั่น*-*
เทคนิคการหายใจสำหรับนักปั่นจักรยาน" มาฝากครับ
...เทคนิคการหายใจขณะขี่แข่งขันถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่จะนำไปสู่ชัยชนะในการแข่งขันซึ่งถ้าหายใจไม่ทันขณะที่ปล่อยตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ต้องฝึกการหายใจเข้า - ออกทุกๆ วันก่อนออกฝึกซ้อม
มีวิธีฝึกดังนี้
1. ฝึกหายใจเข้าทางจมูกให้เต็มปอด และ เป่าลมออกทางปากจนหมดปอด จังหวะการหายใจให้หายใจลึกๆ ( ยาว ) ช้าๆก่อนทั้งเข้า - ออก
2. ฝึกหายใจเข้า-ออกทั้งทางปากและจมูกพร้อมๆกัน จังหวะการหายใจเหมือนแบบที่ 1.
3. รวมการหายใจแบบที่ 1+2 เข้าด้วยกันแต่เน้นจังหวะการหายใจที่หนักหน่วงแรงและเร็วเหมือนแข่งขันฯประมาณ 15-20 สะโตก( เข้า - ออก ) แล้วผ่อนการหายใจยาวๆเป็นแบบที่หนึ่งหรือสองจนกว่าจะรู้สึกว่าหายเหนื่อยดีแล้วก็ให้กลับมาเริ่มฝึกหายใจแบบที่สามอีก คือหนักหน่วงแรงและเร็ว ทำสลับกันอย่างนี้ใช้เวลาประมาณ 5 - 10 นาที แล้วก็ออกไปฝึกซ้อม
หมายเหตุ: การฝึกแรกๆระวังหน้ามืดเป็นลม ต้องค่อยเป็นค่อยไป เมื่อร่างกายปรับตัวได้ดีแล้วคุณจะเห็นคุณค่าและประโยชน์ของการหายใจว่า " นี่คือหัวใจของความอึด " ในการปั่นเสือที่คุณชอบครับ การฝึกหายใจเป็นประจำทำให้ปอดขยายใหญ่ขึ้น พร้อมกับฝึกประสาทควบคุมการหายใจให้รับรู้วิธีการหายใจในขณะแข่งขันฯ ทำให้คุณผ่านพ้น " ภาวะอึดอัด " ( หายใจไม่ทัน )ไปได้ ซึ่งจะเป็นผลดีในการปั่นแข่งขัน มากกว่าคนที่ไม่เคยฝึกเทคนิคการหายใจครับ แต่ทุกๆคนต้องหายใจเพื่อชีวิตเพียงแต่ว่าคุณหายใจได้ดีแค่ไหน ? โดยเฉพาะอากาศออกซิเจนที่คุณต้องการน่ะมากพอหรือยังครับ
...เทคนิคการหายใจขณะขี่แข่งขันถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่จะนำไปสู่ชัยชนะในการแข่งขันซึ่งถ้าหายใจไม่ทันขณะที่ปล่อยตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ต้องฝึกการหายใจเข้า - ออกทุกๆ วันก่อนออกฝึกซ้อม
มีวิธีฝึกดังนี้
1. ฝึกหายใจเข้าทางจมูกให้เต็มปอด และ เป่าลมออกทางปากจนหมดปอด จังหวะการหายใจให้หายใจลึกๆ ( ยาว ) ช้าๆก่อนทั้งเข้า - ออก
2. ฝึกหายใจเข้า-ออกทั้งทางปากและจมูกพร้อมๆกัน จังหวะการหายใจเหมือนแบบที่ 1.
3. รวมการหายใจแบบที่ 1+2 เข้าด้วยกันแต่เน้นจังหวะการหายใจที่หนักหน่วงแรงและเร็วเหมือนแข่งขันฯประมาณ 15-20 สะโตก( เข้า - ออก ) แล้วผ่อนการหายใจยาวๆเป็นแบบที่หนึ่งหรือสองจนกว่าจะรู้สึกว่าหายเหนื่อยดีแล้วก็ให้กลับมาเริ่มฝึกหายใจแบบที่สามอีก คือหนักหน่วงแรงและเร็ว ทำสลับกันอย่างนี้ใช้เวลาประมาณ 5 - 10 นาที แล้วก็ออกไปฝึกซ้อม
หมายเหตุ: การฝึกแรกๆระวังหน้ามืดเป็นลม ต้องค่อยเป็นค่อยไป เมื่อร่างกายปรับตัวได้ดีแล้วคุณจะเห็นคุณค่าและประโยชน์ของการหายใจว่า " นี่คือหัวใจของความอึด " ในการปั่นเสือที่คุณชอบครับ การฝึกหายใจเป็นประจำทำให้ปอดขยายใหญ่ขึ้น พร้อมกับฝึกประสาทควบคุมการหายใจให้รับรู้วิธีการหายใจในขณะแข่งขันฯ ทำให้คุณผ่านพ้น " ภาวะอึดอัด " ( หายใจไม่ทัน )ไปได้ ซึ่งจะเป็นผลดีในการปั่นแข่งขัน มากกว่าคนที่ไม่เคยฝึกเทคนิคการหายใจครับ แต่ทุกๆคนต้องหายใจเพื่อชีวิตเพียงแต่ว่าคุณหายใจได้ดีแค่ไหน ? โดยเฉพาะอากาศออกซิเจนที่คุณต้องการน่ะมากพอหรือยังครับ
"จงเคารพสิ่งศักด์สิทธิ์ แต่อย่าได้อ้อนวอนขอพรจากท่านเลย" กฏข้อที่18 ของมูซาชิ
- เสือเอNST
- ขาประจำ
- โพสต์: 1396
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2011, 13:19
- Tel: o869486765
- team: นครศรีธรรมราช
- Bike: Orbea ,Specialized, Exitway
Re: *-* ห้องสุขภาพนักปั่น*-*
อินเทอร์วอลเทรนนิ่ง
ถึงตอนนี้ก็คงไม่มีใครสงสัยนะครับว่า อินเทอร์วอลเทรนนิ่งเป็นการฝึกซ้อมที่ครอบจักรวาล
ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในระยะหลัง ๆ นี้ ฉีกหนีการฝึกซ้อมแบบเดิม ๆ โดยสิ้นเชิง
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกล้ามเนื้อ มวลกาย
ระบบประสาท และการลดไขมันที่ดีและเร็วที่สุด ถูกออกแบบมาเพื่อฝึกให้ร่างกายทำงาน
โดยนำอ๊ออกซิเจนในกล้ามเนื้อมาใช้หมดเกลี้ยง จนเกิดการสะสมกรดแลคติดขึ้น
โดยในช่วงเวลาพัก หัวใจและปอดยังคงทำงานหนักต่อไป เพื่อนำอ๊อกซิเจนไปชดใช้
คืนให้กล้ามเนื้อและทำการสลายกรดแลคติด สลับกันไปเรื่อย ๆ
การฝึกซ้อมที่เข้มข้นแบบนี้แหละครับจะส่งสัญญาณเตือนตรง ๆ แรง ๆ
ให้ร่างกายเกิดการปฏิวัติรัฐประหารเปลี่ยนแปลงและปรับตัวกันมากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
กับระบบการหายใจ การนำอ๊อกซิเจนมาใช้งาน การพัฒนาการทำงานของกล้ามเนื้อ
ระบบประสาท เกิดการหลั่งฮอร์โมนการเติบโต(growth hormone)
ตัวจักรสำคัญในการกระตุ้นให้ เกิดการสังเคราะห์โปรตีน คาร์โบไฮเดรต
สร้างกระดูกและกล้ามเนื้อ การเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ในภาพรวม
เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย ว่างั้นเถอะ
สำหรับนักปั่นแล้ว นี่เป็นโอกาสงาม ๆ ที่จะทำให้เราปั่นดีขึ้น เร็วขึ้น
และแฮ่ม กระชากวัยได้ดีนักแล
แต่นั่นแหละครับ นี่ไม่ใช่การฝึกซ้อมสำหรับมือใหม่เลยครับ เนื่องจากมันจะรีดประสิทธิภาพ
ของร่างกายและหัวใจสูงมาก เพราะฉะนั้นขอเตือนมือใหม่ (โดยเฉพาะมือใหม่ ส.ว. หรือคนน้ำหนักเยอะ )
ให้หลีกเลี่ยงการกระโดดเข้ามาฝึกซ้อมอินเทอร์วอลแบบทันทีทันใด
จนกว่าจะผ่านการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง ‘ค่อนข้างหนัก’ มาแล้วซักพักใหญ่
หรือเคยฝึกหรือคุ้นเคยกับความทนทานของหัวใจและกล้ามเนื้อ ระดับเหนื่อยหนัก ๆ มาแล้วครับ
อินเทอร์วอลคืออะไร ชนิดไหนดีที่สุด
หลักการง่ายมากครับ คือแค่ปั่นเร็วสลับปั่นช้า และทำซ้ำ ๆ เท่านั้นเอง ฟังดูง่ายแต่เบื้องหลัง
และการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายในการฝึกซ้อมต่างหากเป็นเรื่องสำคัญ
ทั้งยังสามารถใช้กับกีฬาได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นจักรยาน วิ่ง ว่ายน้ำ อุปกรณ์ในโรงยิมที่เป็น
เครื่องฝึกระบบหายใจทั้งหลายแหล่(aerobic exercise) ส่วนใหญ่อาจใช้เวลาหรือระยะทางเป็น
ตัวกำหนดช่วงหรือระยะก็ได้
ถึงตอนนี้ก็คงไม่มีใครสงสัยนะครับว่า อินเทอร์วอลเทรนนิ่งเป็นการฝึกซ้อมที่ครอบจักรวาล
ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในระยะหลัง ๆ นี้ ฉีกหนีการฝึกซ้อมแบบเดิม ๆ โดยสิ้นเชิง
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกล้ามเนื้อ มวลกาย
ระบบประสาท และการลดไขมันที่ดีและเร็วที่สุด ถูกออกแบบมาเพื่อฝึกให้ร่างกายทำงาน
โดยนำอ๊ออกซิเจนในกล้ามเนื้อมาใช้หมดเกลี้ยง จนเกิดการสะสมกรดแลคติดขึ้น
โดยในช่วงเวลาพัก หัวใจและปอดยังคงทำงานหนักต่อไป เพื่อนำอ๊อกซิเจนไปชดใช้
คืนให้กล้ามเนื้อและทำการสลายกรดแลคติด สลับกันไปเรื่อย ๆ
การฝึกซ้อมที่เข้มข้นแบบนี้แหละครับจะส่งสัญญาณเตือนตรง ๆ แรง ๆ
ให้ร่างกายเกิดการปฏิวัติรัฐประหารเปลี่ยนแปลงและปรับตัวกันมากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
กับระบบการหายใจ การนำอ๊อกซิเจนมาใช้งาน การพัฒนาการทำงานของกล้ามเนื้อ
ระบบประสาท เกิดการหลั่งฮอร์โมนการเติบโต(growth hormone)
ตัวจักรสำคัญในการกระตุ้นให้ เกิดการสังเคราะห์โปรตีน คาร์โบไฮเดรต
สร้างกระดูกและกล้ามเนื้อ การเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ในภาพรวม
เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย ว่างั้นเถอะ
สำหรับนักปั่นแล้ว นี่เป็นโอกาสงาม ๆ ที่จะทำให้เราปั่นดีขึ้น เร็วขึ้น
และแฮ่ม กระชากวัยได้ดีนักแล
แต่นั่นแหละครับ นี่ไม่ใช่การฝึกซ้อมสำหรับมือใหม่เลยครับ เนื่องจากมันจะรีดประสิทธิภาพ
ของร่างกายและหัวใจสูงมาก เพราะฉะนั้นขอเตือนมือใหม่ (โดยเฉพาะมือใหม่ ส.ว. หรือคนน้ำหนักเยอะ )
ให้หลีกเลี่ยงการกระโดดเข้ามาฝึกซ้อมอินเทอร์วอลแบบทันทีทันใด
จนกว่าจะผ่านการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง ‘ค่อนข้างหนัก’ มาแล้วซักพักใหญ่
หรือเคยฝึกหรือคุ้นเคยกับความทนทานของหัวใจและกล้ามเนื้อ ระดับเหนื่อยหนัก ๆ มาแล้วครับ
อินเทอร์วอลคืออะไร ชนิดไหนดีที่สุด
หลักการง่ายมากครับ คือแค่ปั่นเร็วสลับปั่นช้า และทำซ้ำ ๆ เท่านั้นเอง ฟังดูง่ายแต่เบื้องหลัง
และการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายในการฝึกซ้อมต่างหากเป็นเรื่องสำคัญ
ทั้งยังสามารถใช้กับกีฬาได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นจักรยาน วิ่ง ว่ายน้ำ อุปกรณ์ในโรงยิมที่เป็น
เครื่องฝึกระบบหายใจทั้งหลายแหล่(aerobic exercise) ส่วนใหญ่อาจใช้เวลาหรือระยะทางเป็น
ตัวกำหนดช่วงหรือระยะก็ได้
"จงเคารพสิ่งศักด์สิทธิ์ แต่อย่าได้อ้อนวอนขอพรจากท่านเลย" กฏข้อที่18 ของมูซาชิ
- เสือเอNST
- ขาประจำ
- โพสต์: 1396
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2011, 13:19
- Tel: o869486765
- team: นครศรีธรรมราช
- Bike: Orbea ,Specialized, Exitway
Re: *-* ห้องสุขภาพนักปั่น*-*
ตอนแรกอ่านแล้วก็คิดว่า คงเป็นเรื่องส่งกันเล่นๆ
นอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว ตั้งแต่เป็นหวัด หายไข้แล้ว
แต่ยังไอไม่หยุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาล้มตัวลงนอน
พอเคลิ้มๆ จะหลับเป็นอันต้องตื่น เพราะจะระคายคอ ไอแล้วไออีก
ผมนึกถึงเมล์ที่เคยได้รับ
น้องลองเอาวิคทาที่เท้าแล้วใส่ถุงเท้านอนดูนะ
ได้รับเมล์มายังไม่เคยลอง ไม่รู้จะได้ผลหรือไม่
แต่ลองไปก็ไม่เสียหาย ได้ผลจริงๆด้วย เมื่อคืนทาวิคที่ฝ่าเท้า ทาไปนวดไป
แล้วใส่ถุงเท้านอน
ปรากฏว่า หลับเป็นตายทั้งคืน ไม่มีอาการไออีกเลย
ฮั่นแน่ ได้ผลจริงๆวุ้ย...
นอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว ตั้งแต่เป็นหวัด หายไข้แล้ว
แต่ยังไอไม่หยุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาล้มตัวลงนอน
พอเคลิ้มๆ จะหลับเป็นอันต้องตื่น เพราะจะระคายคอ ไอแล้วไออีก
ผมนึกถึงเมล์ที่เคยได้รับ
น้องลองเอาวิคทาที่เท้าแล้วใส่ถุงเท้านอนดูนะ
ได้รับเมล์มายังไม่เคยลอง ไม่รู้จะได้ผลหรือไม่
แต่ลองไปก็ไม่เสียหาย ได้ผลจริงๆด้วย เมื่อคืนทาวิคที่ฝ่าเท้า ทาไปนวดไป
แล้วใส่ถุงเท้านอน
ปรากฏว่า หลับเป็นตายทั้งคืน ไม่มีอาการไออีกเลย
ฮั่นแน่ ได้ผลจริงๆวุ้ย...
"จงเคารพสิ่งศักด์สิทธิ์ แต่อย่าได้อ้อนวอนขอพรจากท่านเลย" กฏข้อที่18 ของมูซาชิ
- เสือเอNST
- ขาประจำ
- โพสต์: 1396
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2011, 13:19
- Tel: o869486765
- team: นครศรีธรรมราช
- Bike: Orbea ,Specialized, Exitway
Re: *-* ห้องสุขภาพนักปั่น*-*
ฝนตกๆ รักษาความฟิต ด้วยการกระโดดเชือก 10 นาที มีคุณค่าเท่ากับวิ่งถึง 30 นาที
การกระโดดเชือกด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง จะช่วยลดแรงกระแทกลงได้มาก ไม่เกิดอันตรายต่อเข่า หรือทำให้เข่าเสื่อม เข่าพัง อย่างที่หลายคนเคยได้ยินกันมา ท่ากระโดดเชือกที่ถูกวิธี จะกระโดดเพียงแค่ต่ำ ๆ สูงจากพื้นไม่เกิน 1-2 นิ้ว โดยที่จะใช้ข้อเท้า กล้ามเนื้อน่อง รวมถึงการงอเข่าเล็กน้อย ช่วยในการดูดซับแรงกระแทกลงได้อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งแรงกระแทกที่เกิดขึ้นยังน้อยกว่าการวิ่งอีกด้วย
การกระโดดแบบผิด ๆ ด้วยการกระโดดสูงเกินไปต่างหาก ที่มีโอกาสทำให้เข่าพังได้ จากแรงกระแทกที่สูงเกินไป
การกระโดดเชือกให้ถูกวิธี เริ่มต้นด้วยการเลือกเชือกที่นำมาใช้กระโดด ควรซื้อเชือกแบบ Speed Rope คือเชือกกระโดดที่ทำจาก พลาสติก PVC เส้นเล็ก ๆ ควรหลีกเลี่ยงเชือกที่เป็นผ้าและเชือกที่มีการถ่วงน้ำหนัก ทั้งแบบที่เป็นท่อยางใหญ่ ๆ หนัก ๆ และแบบที่ถ่วงน้ำหนักที่ด้ามจับ
ต่อมาให้ปรับความยาวเชือกให้พอดีกับส่วนสูงของเรา โดยการยืนเหยียบกึ่งกลางเชือก ดึงเชือกขึ้นมาจนตึง ความยาวของเชือกที่เหมาะสม ปลายด้ามจับจะต้องเสมอกับรักแร้พอดี
ดังนั้นจึงต้องเลือกเชือกที่ยาว ๆ ไว้ก่อน เพราะสามารถปรับให้สั้นลงได้ โดยเฉพาะแบบที่ด้ามจับเป็นพลาสติก มักจะปรับความยาวเชือกจากด้ามได้ แต่ถ้าด้ามเป็นไม้ถึงจะปรับไม่ได้ ก็ยังสามารถผูกปมด้านที่ใกล้กับด้ามจับให้เชือกสั้นลงได้ แต่ถ้าเชือกที่ซื้อมาสั้นเกินไป จะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย นอกจากซื้อเส้นใหม่ที่ยาวกว่าเดิม
ความยาวของเชือก มีผลต่อการกระโดดค่อนข้างมาก เชือกที่ยาวหรือสั้นเกินไปจะกระโดดให้เข้าจังหวะได้ยาก เชือกจะติดบ่อย ไม่สามารถทำการกระโดดต่อเนื่องได้
การกระโดดเชือกต้องสวมรองเท้ากีฬาด้วยเสมอ เพื่อลดแรงกระแทกอีกทางหนึ่ง ห้ามกระโดดเท้าเปล่าเด็ดขาด รองเท้าที่เหมาะสมสำหรับกระโดดเชือกได้แก่ รองเท้ากีฬาอินดอร์ รองเท้าครอสเทรนนิ่ง รองเท้าแอโรบิค และรองเท้าวิ่ง
ท่ากระโดดเชือกเบสิคที่ถูกต้อง มีดังนี้ (ดูจากคลิปข้างล่าง ประกอบจะเข้าใจง่ายขึ้นครับ)
-ยืนตัวตรง หลังตรง ตามองไปข้างหน้า เปิดส้นเท้าเล็กน้อย ลงน้ำหนักที่ตำแหน่งจมูกเท้า และงอเข่าด้วยเล็กน้อย
-ข้อศอกชิดลำตัว ใช้เฉพาะข้อมือในการหมุนเชือก กระโดดด้วยเท้าคู่ หรือสลับเท้า เพียงแค่ต่ำ ๆ พอให้เชือกลอดผ่านได้ สูงจากพื้นไม่เกิน 1-2 นิ้ว
การกระโดดเชือกด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง จะช่วยลดแรงกระแทกลงได้มาก ไม่เกิดอันตรายต่อเข่า หรือทำให้เข่าเสื่อม เข่าพัง อย่างที่หลายคนเคยได้ยินกันมา ท่ากระโดดเชือกที่ถูกวิธี จะกระโดดเพียงแค่ต่ำ ๆ สูงจากพื้นไม่เกิน 1-2 นิ้ว โดยที่จะใช้ข้อเท้า กล้ามเนื้อน่อง รวมถึงการงอเข่าเล็กน้อย ช่วยในการดูดซับแรงกระแทกลงได้อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งแรงกระแทกที่เกิดขึ้นยังน้อยกว่าการวิ่งอีกด้วย
การกระโดดแบบผิด ๆ ด้วยการกระโดดสูงเกินไปต่างหาก ที่มีโอกาสทำให้เข่าพังได้ จากแรงกระแทกที่สูงเกินไป
การกระโดดเชือกให้ถูกวิธี เริ่มต้นด้วยการเลือกเชือกที่นำมาใช้กระโดด ควรซื้อเชือกแบบ Speed Rope คือเชือกกระโดดที่ทำจาก พลาสติก PVC เส้นเล็ก ๆ ควรหลีกเลี่ยงเชือกที่เป็นผ้าและเชือกที่มีการถ่วงน้ำหนัก ทั้งแบบที่เป็นท่อยางใหญ่ ๆ หนัก ๆ และแบบที่ถ่วงน้ำหนักที่ด้ามจับ
ต่อมาให้ปรับความยาวเชือกให้พอดีกับส่วนสูงของเรา โดยการยืนเหยียบกึ่งกลางเชือก ดึงเชือกขึ้นมาจนตึง ความยาวของเชือกที่เหมาะสม ปลายด้ามจับจะต้องเสมอกับรักแร้พอดี
ดังนั้นจึงต้องเลือกเชือกที่ยาว ๆ ไว้ก่อน เพราะสามารถปรับให้สั้นลงได้ โดยเฉพาะแบบที่ด้ามจับเป็นพลาสติก มักจะปรับความยาวเชือกจากด้ามได้ แต่ถ้าด้ามเป็นไม้ถึงจะปรับไม่ได้ ก็ยังสามารถผูกปมด้านที่ใกล้กับด้ามจับให้เชือกสั้นลงได้ แต่ถ้าเชือกที่ซื้อมาสั้นเกินไป จะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย นอกจากซื้อเส้นใหม่ที่ยาวกว่าเดิม
ความยาวของเชือก มีผลต่อการกระโดดค่อนข้างมาก เชือกที่ยาวหรือสั้นเกินไปจะกระโดดให้เข้าจังหวะได้ยาก เชือกจะติดบ่อย ไม่สามารถทำการกระโดดต่อเนื่องได้
การกระโดดเชือกต้องสวมรองเท้ากีฬาด้วยเสมอ เพื่อลดแรงกระแทกอีกทางหนึ่ง ห้ามกระโดดเท้าเปล่าเด็ดขาด รองเท้าที่เหมาะสมสำหรับกระโดดเชือกได้แก่ รองเท้ากีฬาอินดอร์ รองเท้าครอสเทรนนิ่ง รองเท้าแอโรบิค และรองเท้าวิ่ง
ท่ากระโดดเชือกเบสิคที่ถูกต้อง มีดังนี้ (ดูจากคลิปข้างล่าง ประกอบจะเข้าใจง่ายขึ้นครับ)
-ยืนตัวตรง หลังตรง ตามองไปข้างหน้า เปิดส้นเท้าเล็กน้อย ลงน้ำหนักที่ตำแหน่งจมูกเท้า และงอเข่าด้วยเล็กน้อย
-ข้อศอกชิดลำตัว ใช้เฉพาะข้อมือในการหมุนเชือก กระโดดด้วยเท้าคู่ หรือสลับเท้า เพียงแค่ต่ำ ๆ พอให้เชือกลอดผ่านได้ สูงจากพื้นไม่เกิน 1-2 นิ้ว
"จงเคารพสิ่งศักด์สิทธิ์ แต่อย่าได้อ้อนวอนขอพรจากท่านเลย" กฏข้อที่18 ของมูซาชิ
- เสือเอNST
- ขาประจำ
- โพสต์: 1396
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2011, 13:19
- Tel: o869486765
- team: นครศรีธรรมราช
- Bike: Orbea ,Specialized, Exitway
Re: *-* ห้องสุขภาพนักปั่น*-*
[youtube]MDhKBOm_wQ0&feature=player_embedded[/youtube]
"จงเคารพสิ่งศักด์สิทธิ์ แต่อย่าได้อ้อนวอนขอพรจากท่านเลย" กฏข้อที่18 ของมูซาชิ
- เสือเอNST
- ขาประจำ
- โพสต์: 1396
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2011, 13:19
- Tel: o869486765
- team: นครศรีธรรมราช
- Bike: Orbea ,Specialized, Exitway
Re: *-* ห้องสุขภาพนักปั่น*-*
อันนี้ แถม
[youtube]BzbbpxR7ZTc&feature=player_embedded#![/youtube]
[youtube]BzbbpxR7ZTc&feature=player_embedded#![/youtube]
"จงเคารพสิ่งศักด์สิทธิ์ แต่อย่าได้อ้อนวอนขอพรจากท่านเลย" กฏข้อที่18 ของมูซาชิ
- sunyalux
- ขาประจำ
- โพสต์: 3890
- ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ม.ค. 2009, 20:09
- Tel: 089-6490313
- team: Nakhon Si Thammarat Cycling Club
- Bike: Specialized Allez,TREK ALPHA2.1,Merida500TFS
Re: *-* ห้องสุขภาพนักปั่น*-*
ฝนตกออกปั่นไม่ได้...สนับสนุนการกระโดดเชือกกับเสือเอ....อีกคน...
****ข้อควรระวัง..คนที่กระโดดใกล้ๆกับสาวๆ อย่างในคลิป....เลือดกำเดาจะไหล
[youtube]YRd5Q8UeonU&feature=related[/youtube]
****ข้อควรระวัง..คนที่กระโดดใกล้ๆกับสาวๆ อย่างในคลิป....เลือดกำเดาจะไหล
[youtube]YRd5Q8UeonU&feature=related[/youtube]
- Frogman_twin
- ขาประจำ
- โพสต์: 5682
- ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2011, 19:32
- team: KCC, DEEP TEAM
- Bike: Klein
Re: *-* ห้องสุขภาพนักปั่น*-*
ขออนุญาติพี่ๆเข้ามาหาความรู้ครับ ขอบคุณมากๆครับ
ไม่ต้องประสบความสำเร็จทุกอย่าง แต่สิ่งที่เลือกทำขอให้ทำให้เต็มที่น๊ะลูก
- เสือเอNST
- ขาประจำ
- โพสต์: 1396
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2011, 13:19
- Tel: o869486765
- team: นครศรีธรรมราช
- Bike: Orbea ,Specialized, Exitway
Re: *-* ห้องสุขภาพนักปั่น*-*
ยินดีครับFrogman_twin เขียน:ขออนุญาติพี่ๆเข้ามาหาความรู้ครับ ขอบคุณมากๆครับ
"จงเคารพสิ่งศักด์สิทธิ์ แต่อย่าได้อ้อนวอนขอพรจากท่านเลย" กฏข้อที่18 ของมูซาชิ
- เสือเอNST
- ขาประจำ
- โพสต์: 1396
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2011, 13:19
- Tel: o869486765
- team: นครศรีธรรมราช
- Bike: Orbea ,Specialized, Exitway
Re: *-* ห้องสุขภาพนักปั่น*-*
สำหรับคนที่ชอบเป็นตะคริว
ป้องกันตะคริว
1.ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ อาจจะดื่มน้ำธรรมดาหรือน้ำแร่ก็ได้ โดยให้ดื่มน้ำสัก 1-2แก้วก่อนออกกำลังกายและจิบน้ำที่ผสม โปแตสเชียม และโซเดียมเล็กน้อยบ่อยๆในระหว่างออกกำลัง (จิบจนไปฉี่แล้วฉี่เป็นสีใสๆ นั้นแสดงว่าร่างกายเราไม่ขาดน้ำ)
2.ปรับกล้ามเนื้อโดยการบริหารให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและมีความยืดหยุ่นสูงจะป้องกันตะคริว
3.รับประทานอาหารที่มีเกลือแรโปแทสเซียมสูง เช่นกล้วย ผลไม้ผัก
4.การออกกำลังกายจะทำให้กล้ามเนื้อและร่างกายแข็งแรง
5.ก่อนออกกำลังกายให้ warm up ทุกครั้ง
6.ขณะเกิดอาการตะคริวให้มีการยืดกล้ามเนื้อจะลดอาการปวด
7. ขณะเกิดตะคริวให้นวดกล้ามเนื้อซึ่งจะลดอาการปวด การนวดอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดอาการตะคริว
8. นอกจากนี้แนะนำว่าคนที่เป็นตะคริวบ่อยๆควรกินแม็กนีเซียมติดต่อกันหลายๆวันก่อนออกกำลังกาย
การดูแลตนเองเมื่อเป็นตะคริว
1.ยืดกล้ามเนื้อที่เป็นตะคริว เช่น ถ้าเป็นที่กล้ามเนื้อน่อง ให้เหยียดเข่าและกระดกปลายเท้าขึ้นหรือยืนกดปลายเท้ากับพื้น งอเขาและโน้มตัวไปข้างหน้า (สำคัญที่สุด)
2.ทาและคลึงเบาๆ ด้วยยาทาแก้ปวดหลังการยืดกล้ามเนื้อแล้ว (ผมแนะนำท่ายืดกล้ามเนื้อและนวดให้ได้ครับ เคยไปอ่านวิธีนวดและยืดกล้ามเนื้อจากการเกิดตะคริว)
3.ประคบด้วยน้ำอุ่น โดยเฉพาะกล้ามเนื้อท้อง
4.ทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล
5.ปรึกษาแพทย์ถ้ามีอาการเกิดขึ้นบ่อย
คัดลอกจากhttp://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=5 ... start=1695[/b][/color]
ป้องกันตะคริว
1.ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ อาจจะดื่มน้ำธรรมดาหรือน้ำแร่ก็ได้ โดยให้ดื่มน้ำสัก 1-2แก้วก่อนออกกำลังกายและจิบน้ำที่ผสม โปแตสเชียม และโซเดียมเล็กน้อยบ่อยๆในระหว่างออกกำลัง (จิบจนไปฉี่แล้วฉี่เป็นสีใสๆ นั้นแสดงว่าร่างกายเราไม่ขาดน้ำ)
2.ปรับกล้ามเนื้อโดยการบริหารให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและมีความยืดหยุ่นสูงจะป้องกันตะคริว
3.รับประทานอาหารที่มีเกลือแรโปแทสเซียมสูง เช่นกล้วย ผลไม้ผัก
4.การออกกำลังกายจะทำให้กล้ามเนื้อและร่างกายแข็งแรง
5.ก่อนออกกำลังกายให้ warm up ทุกครั้ง
6.ขณะเกิดอาการตะคริวให้มีการยืดกล้ามเนื้อจะลดอาการปวด
7. ขณะเกิดตะคริวให้นวดกล้ามเนื้อซึ่งจะลดอาการปวด การนวดอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดอาการตะคริว
8. นอกจากนี้แนะนำว่าคนที่เป็นตะคริวบ่อยๆควรกินแม็กนีเซียมติดต่อกันหลายๆวันก่อนออกกำลังกาย
การดูแลตนเองเมื่อเป็นตะคริว
1.ยืดกล้ามเนื้อที่เป็นตะคริว เช่น ถ้าเป็นที่กล้ามเนื้อน่อง ให้เหยียดเข่าและกระดกปลายเท้าขึ้นหรือยืนกดปลายเท้ากับพื้น งอเขาและโน้มตัวไปข้างหน้า (สำคัญที่สุด)
2.ทาและคลึงเบาๆ ด้วยยาทาแก้ปวดหลังการยืดกล้ามเนื้อแล้ว (ผมแนะนำท่ายืดกล้ามเนื้อและนวดให้ได้ครับ เคยไปอ่านวิธีนวดและยืดกล้ามเนื้อจากการเกิดตะคริว)
3.ประคบด้วยน้ำอุ่น โดยเฉพาะกล้ามเนื้อท้อง
4.ทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล
5.ปรึกษาแพทย์ถ้ามีอาการเกิดขึ้นบ่อย
คัดลอกจากhttp://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=5 ... start=1695[/b][/color]
"จงเคารพสิ่งศักด์สิทธิ์ แต่อย่าได้อ้อนวอนขอพรจากท่านเลย" กฏข้อที่18 ของมูซาชิ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1590
- ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ค. 2010, 10:00
- Tel: 086-9440078 dtac
- team: ชมรมจักรยานนครศรีธรรมราช
- Bike: เสือภูเขาMERIDA TFS XC 500 ปี 2010 -//- เสือภูเขาORBEA ALMA HYDRO ปี 2011 -//- เสือภูเขา PEUGEOT CADET -//- รถพับ COYOTE -//- เสือภูเขา KHS ALITE 2000
- ตำแหน่ง: 15/1 ม.5 ต.อินคีรี อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช
- ติดต่อ:
Re: *-* ห้องสุขภาพนักปั่น*-*
สุดยอด...เเวะมาเอาความรู้ครับ
..............ถ้าเเม้นปราชัยต่อไพรี ก็ได้เเต่ปฐพีไม่มีคน..............
เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เเละประชาชน ARMY NCO.746 INFANTRY
...................... ชมรมจักรยานนครศรีธรรมราช ..............................
......................ฝากลิ้งค์..ด้านล่าง กดชมฟรี....
** คลิ๊กเลย **.......ปั่น 2 ล้อ ชมเเหล่งท่องเที่ยวเมืองนครศรีธรรมราช
เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เเละประชาชน ARMY NCO.746 INFANTRY
...................... ชมรมจักรยานนครศรีธรรมราช ..............................
......................ฝากลิ้งค์..ด้านล่าง กดชมฟรี....
** คลิ๊กเลย **.......ปั่น 2 ล้อ ชมเเหล่งท่องเที่ยวเมืองนครศรีธรรมราช
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1310
- ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2008, 01:31
- Tel: 08-24245566
- team: จังหวัดนครศรีธรรมราช
- Bike: louis garneau
Re: *-* ห้องสุขภาพนักปั่น*-*
...ร่วมสรรค์หา ให้เพื่อนลองอ่านแล้วพิจารณาดูครับ เป็นบทความจาก "สภากาชาดไทย"
ออกกำลังกายตอนเช้าหรือตอนเย็นดี ??
...สมมุติว่า ตัวเราเป็นรถยนต์ เครื่องยนต์ของเราคือกล้าม เนื้อ แขน ขา ที่จะทำให้เราเคลื่อนไหวไปไหนมาไหนได้
รถยนต์ต้องการน้ำมันเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงาน คนเราก็ต้องการอาหารเป็น พลังงานให้ร่างกาย เคลื่อนไหวไปไหนมาไหนได้
โดยเฉพาะใช้ออกกำลังกาย
ตื่นนอนเช้ารถยนต์และร่างกายเรา ไม่มีน้ำมัน ไม่มีพลังงานจำเป็นต้องเติมน้ำมันก่อน หรือกินอาหารก่อน รถยนต์จะได้มี พลังงาน
วิ่งไปได้ คนเราจะได้มีพลังงานให้กล้ามเนื้อแขน ขา ทำให้เราไปไหนมาไหนได้ (จริง)
รถยนต์ต่างกับร่างกายเรา ตรงที่พอเติมน้ำมันเต็มถังแล้ว สามารถขับรถไปได้ทันที แต่คนเราหลังกินอาหารอิ่มเต็มที่
ยังไปออกกำลังกายไม่ได้ เพราะหลังกินอาหาร 2 ช.ม. จะมีเลือดมารอรับอาหารที่จะถูกย่อยที่กระเพาะและลำไส้เป็นจำนวนมาก
หลังจากอาหารถูกดูดซึมเข้ามาในเลือดแล้ว เลือดจะพาสารอาหารแจกจ่ายไปยังอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย
ถ้าออกกำลังกายหนัก ๆ ตอนนี้ เช่น วิ่งออกกำลังซึ่งต้องการเลือดมาเลี้ยงที่ขาที่ใช้วิ่ง 20 เท่าตัวของสภาวะปกติ
เมื่อเลือดมากองอยู่ที่กระเพาะเป็นจำนวนมาก บวกกับมาเลี้ยงที่ขาอีก 20 เท่าดังกล่าว ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ
ทำให้หน้ามืดเป็นลม หรือถ้าทำ ให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอ เท่ากับกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเป็นสาเหตุให้
กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ถึงชีวิตได้ จึงห้ามเด็ดขาด ห้ามออกกำลังหลังกินอาหาร 2 ช.ม. เมื่ออาหารย่อยหมดแล้ว
ดูดซึมเข้าเลือดหมดแล้ว (2 ช.ม.) เลือดที่มารออยู่ที่กระเพาะก็จะกระจายไปหมด ถึงตอนนี้จะวิ่งก็ปลอดภัย
...ทีนี้คนตื่นนอนตอนเช้า แล้วมาออกกำลัง เพราะตอนเช้าอากาศสดชื่น มลพิษก็น้อย อากาศเย็น ร่างกายยังสดชื่นเพราะ
ได้พักมาทั้งคืน แต่คงไม่มีใครกินอาหาร ก่อนออกกำลังแน่ เท่ากับรถยนต์ไม่ได้เติมน้ำมันรถยนต์จะวิ่งได้อย่างไร
แต่คนออกกำลังกายได้โดยไม่ต้องกินอาหาร เพราะตอนเย็นกินอาหารเสร็จเข้านอน ไม่ได้ใช้พลังงานขณะที่นอนหลับ
ตับจะปรับเปลี่ยนสารอาหาร เช่น น้ำตาลเปลี่ยนเป็นไกลโคเจน ไตรกรีเซอร์ไรด์
ไขมันเปลี่ยนเป็นกรด ไขมัน โปรตีนเปลี่ยนเป็นฟอสฟาเจน เป็นต้น แล้วนำไปเก็บไว้ในอวัยวะต่าง ๆ เมื่อตื่นนอนจึงไม่มีพลังงาน
หลงเหลืออยู่ในเลือด เท่ากับรถยนต์น้ำมันแห้งถัง สภาพนี้คนออกกำลังได้โดยตับจะดึงสารอาหารที่ปรับเปลี่ยนไปเก็บไว้ ในที่ต่าง ๆ
ตอนนอนหลับให้กลับเป็นสารพลังงานในเลือดใหม่ จึงสามารถออกกำลังกาย ได้ มาลองคิดดู ตอนนอนตับทำงานหนักมาก
เพื่อเอาสารอาหารไปเก็บ ตื่นตอนเช้าไปออกกำลังกายทันที ตับต้องดึงสาร อาหารที่เอาไปเก็บไว้เมื่อคืน ออกมาใช้ใหม่
ทำอย่างนี้บ่อย ๆ ทุกวัน ๆ ตับจะต้องทำงานหนักแค่ไหน จะทนสภาพนี้ได้นานเท่าไร เพราะไม่ได้พักเลย เหมือนคนกินเหล้า
แล้วไม่กินอาหาร ตับต้องไปดึงสารอาหารจากที่ต่าง ๆ มาให้แอลกอฮอลเผาผลาญ มาก ๆ เข้านาน ๆ เข้า ในตับมีแต่ไขมัน
กลายเป็นตับแข็ง...
...ทีนี้ถ้าจะทำให้ถูกต้องก็ต้องกินอาหารเสียก่อน แต่ต้องรอถึง 2 ช.ม. จึงจะไปออกกำลังได้ เช่น กินอาหาร ตี 5 เจ็ดโมงเช้า
จึงจะออกกำลังกายได้ จะมีใครทำอย่างนี้บ้าง ฉะนั้น ฝรั่งจึงมีแต่คำว่า morning walk ไม่เคยได้ยิน morning jogging เลย
นั่นคือออกกำลังกายเบา ๆ ได้ เช่น เดิน ก่อนเดินก็กินอาหารเบา ๆ เช่น แซนวิช 1 ชิ้น กับโอวันติน 1 ถ้วย ซึ่งจะใช้เวลาย่อยอาหาร
สัก 1/2 - 1 ช.ม. ก็พอ ก็จะไปเดินออกกำลังกายได้ กินเล็กน้อยออกกำลังกายเบา ๆ ก็ใช้พลังงานน้อย ที่กินมาแค่นี้ก็พอไหว...
...ลองพิจารณาการออกกำลัง ตอนเย็นบ้าง เรากินอาหารเช้า อาหารกลางวัน ตกเย็นรับรองว่าพลังงานยังเหลือเฟือ ขณะทำงาน
ใช้ไปไม่หมด สามารถออกกำลังกายได้เลย เหมือนกับรถ ยนต์ น้ำมันยังไม่แห้งถัง แต่จะให้ดีอาจเติมอาหารเหมือนตอนเช้าอีกสักเล็กน้อย
ก่อนไปออกกำลัง จะทำให้ไม่รู้สึกระโหย ความจริงไม่ต้องไปกินอะไรเลยก็ได้ ข้อสำคัญ เมื่อออกกำลังตอนเย็นเสร็จแล้ว ให้ดื่มน้ำ
โดยค่อย ๆ ดื่มจนรู้สึกอิ่ม กลับถึงบ้านท่านจะไม่รู้สึกหิวและไม่อยากกินอะไรอีก และหลังออกกำลังกายตอนเย็นนี้แล้ว เมื่อถึงเวลาเข้านอน
จะเหลือสารอาหาร น้อยที่สุด ตับไม่ต้องทำงานมาก สารอาหารไม่มีไปเก็บตามที่ต่าง ๆ จึงไม่ทำให้อ้วน และไม่มีสารอาหารเหลือค้าง
ในหลอดเลือดโดยเฉพาะ ไขมัน จึงเป็นวิธีที่จะลดไขมันในเลือดได้ดีที่สุดโดยไม่ต้องกินยา...
...ถ้าพิจารณาตรงนี้ ออกกำลังกายตอนเช้า หรือตอนเย็นจะเป็นการออกกำลังที่ทำให้สุขภาพทั่ว ๆ ไปดี (แอโรบิก) เท่า ๆ กันทั้งคู่
แต่การออกกำลังกายตอนเย็นโดยไม่ไปกินอาหารภายหลัง ยังจะช่วยให้สารอาหารที่เหลือจากการกินตอนเช้าและตอนเที่ยงน้อยลง
จนไม่สามารถทำร้ายร่างกายได้ด้วย การออกกำลังกายตอนเย็นจึงได้ 2 ต่อ...
...จากงานวิจัยต่างประเทศ เร็ว ๆ นี้ พบว่า การออกกำลังกายตอนเช้านั้น จะทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายลดลง และการออกกำลังกายตอนเย็น
จะทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายเพิ่มขึ้น ดูในแง่นี้ถ้าไข้หวัดระบาด การออก กำลังกายตอนเย็นจะได้ 3 ต่อ มีกรณีเดียวที่ออกกำลังกายตอนเช้า
ได้ประโยชน์คือ พวกที่มีภูมิต้านทานมากไป เช่นโรคภูมิแพ้ได้แก่ หอบหืด แพ้อากาศ แพ้ฝุ่น หรือโรคพุ่มพวงดวงจันทร์ ออกกำลังกายตอนเช้า
ช่วยลดภูมิต้านทาน จึงเท่ากับช่วยให้คน ๆ นั้น กินยาลดภูมิต้านทานน้อยลงได้
...สรุปมาถึงแค่นี้ ท่านคงทราบแล้วนะครับว่า ออกกำลังกายตอนเช้าหรือตอนเย็นดี...
...มีข้อเสนอ อีกข้อหนึ่งคือออกกำลังกายแบบแอโรบิกก่อนนอน เช่น เดินบนสายพาน หรือขี่จักรยาน 30 นาที – 60 นาที
ไม่ต้องกลัวว่าจะนอนไม่หลับ เพราะการออกกำลังกายแบบแอโรบิก 30 นาที ขึ้นไปนี้ ร่างกายจะหลั่ง “เอนดอร์ฟีน” ออกมา
ซึ่งมีฤทธิ์คล้าย ๆ มอร์ฟีน ที่ใช้ฉีดให้คนไข้หลังผ่าตัด จะทำให้ง่วงนอนคลายความเจ็บปวด คลายเครียด ฉะนั้น ออกกำลังกายเสร็จ
อาบน้ำแล้ว เข้านอนเลย ท่านจะนอนหลับสนิทชนิดไม่ฝัน การนอนหลับสนิทนี้ท่านต้องการ การนอนเพียง 5 ช.ม. ก็เพียงพอ
จะทราบได้คือตอนทำงานกลางวัน จะไม่เพลีย ไม่ง่วง แสดงว่านอนหลับสนิท 5 ช.ม. เพียงพอแล้ว
นอกจากนี้มีงานวิจัยใหม่ ๆ ออกมาพบว่า คนนอน 5 ช.ม. มีอุบัติการ โรคเส้นเลือดหัวใจอุดตันน้อยกว่าพวกนอน 7-8 ช.ม.
...ฉะนั้น การออกกำลังกายตอนเย็นหรือก่อนนอน ดีกว่าออกกำลังกายตอนเช้า...
บทความจากสภากาชาดไทย :
โดย ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์เสก อักษรานุเคราะห์
ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู สภาการชาดไทย
...ปล. อยากพบเจ้าของหัวข้อกระทู้ CHAYEN หายไปใหน ใครทราบช่วยบอกด้วย
...กลับมาปั่นเหอะ เดี๋ยวจะช่วยล้างสนิมโซ่ให้
ออกกำลังกายตอนเช้าหรือตอนเย็นดี ??
...สมมุติว่า ตัวเราเป็นรถยนต์ เครื่องยนต์ของเราคือกล้าม เนื้อ แขน ขา ที่จะทำให้เราเคลื่อนไหวไปไหนมาไหนได้
รถยนต์ต้องการน้ำมันเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงาน คนเราก็ต้องการอาหารเป็น พลังงานให้ร่างกาย เคลื่อนไหวไปไหนมาไหนได้
โดยเฉพาะใช้ออกกำลังกาย
ตื่นนอนเช้ารถยนต์และร่างกายเรา ไม่มีน้ำมัน ไม่มีพลังงานจำเป็นต้องเติมน้ำมันก่อน หรือกินอาหารก่อน รถยนต์จะได้มี พลังงาน
วิ่งไปได้ คนเราจะได้มีพลังงานให้กล้ามเนื้อแขน ขา ทำให้เราไปไหนมาไหนได้ (จริง)
รถยนต์ต่างกับร่างกายเรา ตรงที่พอเติมน้ำมันเต็มถังแล้ว สามารถขับรถไปได้ทันที แต่คนเราหลังกินอาหารอิ่มเต็มที่
ยังไปออกกำลังกายไม่ได้ เพราะหลังกินอาหาร 2 ช.ม. จะมีเลือดมารอรับอาหารที่จะถูกย่อยที่กระเพาะและลำไส้เป็นจำนวนมาก
หลังจากอาหารถูกดูดซึมเข้ามาในเลือดแล้ว เลือดจะพาสารอาหารแจกจ่ายไปยังอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย
ถ้าออกกำลังกายหนัก ๆ ตอนนี้ เช่น วิ่งออกกำลังซึ่งต้องการเลือดมาเลี้ยงที่ขาที่ใช้วิ่ง 20 เท่าตัวของสภาวะปกติ
เมื่อเลือดมากองอยู่ที่กระเพาะเป็นจำนวนมาก บวกกับมาเลี้ยงที่ขาอีก 20 เท่าดังกล่าว ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ
ทำให้หน้ามืดเป็นลม หรือถ้าทำ ให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอ เท่ากับกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเป็นสาเหตุให้
กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ถึงชีวิตได้ จึงห้ามเด็ดขาด ห้ามออกกำลังหลังกินอาหาร 2 ช.ม. เมื่ออาหารย่อยหมดแล้ว
ดูดซึมเข้าเลือดหมดแล้ว (2 ช.ม.) เลือดที่มารออยู่ที่กระเพาะก็จะกระจายไปหมด ถึงตอนนี้จะวิ่งก็ปลอดภัย
...ทีนี้คนตื่นนอนตอนเช้า แล้วมาออกกำลัง เพราะตอนเช้าอากาศสดชื่น มลพิษก็น้อย อากาศเย็น ร่างกายยังสดชื่นเพราะ
ได้พักมาทั้งคืน แต่คงไม่มีใครกินอาหาร ก่อนออกกำลังแน่ เท่ากับรถยนต์ไม่ได้เติมน้ำมันรถยนต์จะวิ่งได้อย่างไร
แต่คนออกกำลังกายได้โดยไม่ต้องกินอาหาร เพราะตอนเย็นกินอาหารเสร็จเข้านอน ไม่ได้ใช้พลังงานขณะที่นอนหลับ
ตับจะปรับเปลี่ยนสารอาหาร เช่น น้ำตาลเปลี่ยนเป็นไกลโคเจน ไตรกรีเซอร์ไรด์
ไขมันเปลี่ยนเป็นกรด ไขมัน โปรตีนเปลี่ยนเป็นฟอสฟาเจน เป็นต้น แล้วนำไปเก็บไว้ในอวัยวะต่าง ๆ เมื่อตื่นนอนจึงไม่มีพลังงาน
หลงเหลืออยู่ในเลือด เท่ากับรถยนต์น้ำมันแห้งถัง สภาพนี้คนออกกำลังได้โดยตับจะดึงสารอาหารที่ปรับเปลี่ยนไปเก็บไว้ ในที่ต่าง ๆ
ตอนนอนหลับให้กลับเป็นสารพลังงานในเลือดใหม่ จึงสามารถออกกำลังกาย ได้ มาลองคิดดู ตอนนอนตับทำงานหนักมาก
เพื่อเอาสารอาหารไปเก็บ ตื่นตอนเช้าไปออกกำลังกายทันที ตับต้องดึงสาร อาหารที่เอาไปเก็บไว้เมื่อคืน ออกมาใช้ใหม่
ทำอย่างนี้บ่อย ๆ ทุกวัน ๆ ตับจะต้องทำงานหนักแค่ไหน จะทนสภาพนี้ได้นานเท่าไร เพราะไม่ได้พักเลย เหมือนคนกินเหล้า
แล้วไม่กินอาหาร ตับต้องไปดึงสารอาหารจากที่ต่าง ๆ มาให้แอลกอฮอลเผาผลาญ มาก ๆ เข้านาน ๆ เข้า ในตับมีแต่ไขมัน
กลายเป็นตับแข็ง...
...ทีนี้ถ้าจะทำให้ถูกต้องก็ต้องกินอาหารเสียก่อน แต่ต้องรอถึง 2 ช.ม. จึงจะไปออกกำลังได้ เช่น กินอาหาร ตี 5 เจ็ดโมงเช้า
จึงจะออกกำลังกายได้ จะมีใครทำอย่างนี้บ้าง ฉะนั้น ฝรั่งจึงมีแต่คำว่า morning walk ไม่เคยได้ยิน morning jogging เลย
นั่นคือออกกำลังกายเบา ๆ ได้ เช่น เดิน ก่อนเดินก็กินอาหารเบา ๆ เช่น แซนวิช 1 ชิ้น กับโอวันติน 1 ถ้วย ซึ่งจะใช้เวลาย่อยอาหาร
สัก 1/2 - 1 ช.ม. ก็พอ ก็จะไปเดินออกกำลังกายได้ กินเล็กน้อยออกกำลังกายเบา ๆ ก็ใช้พลังงานน้อย ที่กินมาแค่นี้ก็พอไหว...
...ลองพิจารณาการออกกำลัง ตอนเย็นบ้าง เรากินอาหารเช้า อาหารกลางวัน ตกเย็นรับรองว่าพลังงานยังเหลือเฟือ ขณะทำงาน
ใช้ไปไม่หมด สามารถออกกำลังกายได้เลย เหมือนกับรถ ยนต์ น้ำมันยังไม่แห้งถัง แต่จะให้ดีอาจเติมอาหารเหมือนตอนเช้าอีกสักเล็กน้อย
ก่อนไปออกกำลัง จะทำให้ไม่รู้สึกระโหย ความจริงไม่ต้องไปกินอะไรเลยก็ได้ ข้อสำคัญ เมื่อออกกำลังตอนเย็นเสร็จแล้ว ให้ดื่มน้ำ
โดยค่อย ๆ ดื่มจนรู้สึกอิ่ม กลับถึงบ้านท่านจะไม่รู้สึกหิวและไม่อยากกินอะไรอีก และหลังออกกำลังกายตอนเย็นนี้แล้ว เมื่อถึงเวลาเข้านอน
จะเหลือสารอาหาร น้อยที่สุด ตับไม่ต้องทำงานมาก สารอาหารไม่มีไปเก็บตามที่ต่าง ๆ จึงไม่ทำให้อ้วน และไม่มีสารอาหารเหลือค้าง
ในหลอดเลือดโดยเฉพาะ ไขมัน จึงเป็นวิธีที่จะลดไขมันในเลือดได้ดีที่สุดโดยไม่ต้องกินยา...
...ถ้าพิจารณาตรงนี้ ออกกำลังกายตอนเช้า หรือตอนเย็นจะเป็นการออกกำลังที่ทำให้สุขภาพทั่ว ๆ ไปดี (แอโรบิก) เท่า ๆ กันทั้งคู่
แต่การออกกำลังกายตอนเย็นโดยไม่ไปกินอาหารภายหลัง ยังจะช่วยให้สารอาหารที่เหลือจากการกินตอนเช้าและตอนเที่ยงน้อยลง
จนไม่สามารถทำร้ายร่างกายได้ด้วย การออกกำลังกายตอนเย็นจึงได้ 2 ต่อ...
...จากงานวิจัยต่างประเทศ เร็ว ๆ นี้ พบว่า การออกกำลังกายตอนเช้านั้น จะทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายลดลง และการออกกำลังกายตอนเย็น
จะทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายเพิ่มขึ้น ดูในแง่นี้ถ้าไข้หวัดระบาด การออก กำลังกายตอนเย็นจะได้ 3 ต่อ มีกรณีเดียวที่ออกกำลังกายตอนเช้า
ได้ประโยชน์คือ พวกที่มีภูมิต้านทานมากไป เช่นโรคภูมิแพ้ได้แก่ หอบหืด แพ้อากาศ แพ้ฝุ่น หรือโรคพุ่มพวงดวงจันทร์ ออกกำลังกายตอนเช้า
ช่วยลดภูมิต้านทาน จึงเท่ากับช่วยให้คน ๆ นั้น กินยาลดภูมิต้านทานน้อยลงได้
...สรุปมาถึงแค่นี้ ท่านคงทราบแล้วนะครับว่า ออกกำลังกายตอนเช้าหรือตอนเย็นดี...
...มีข้อเสนอ อีกข้อหนึ่งคือออกกำลังกายแบบแอโรบิกก่อนนอน เช่น เดินบนสายพาน หรือขี่จักรยาน 30 นาที – 60 นาที
ไม่ต้องกลัวว่าจะนอนไม่หลับ เพราะการออกกำลังกายแบบแอโรบิก 30 นาที ขึ้นไปนี้ ร่างกายจะหลั่ง “เอนดอร์ฟีน” ออกมา
ซึ่งมีฤทธิ์คล้าย ๆ มอร์ฟีน ที่ใช้ฉีดให้คนไข้หลังผ่าตัด จะทำให้ง่วงนอนคลายความเจ็บปวด คลายเครียด ฉะนั้น ออกกำลังกายเสร็จ
อาบน้ำแล้ว เข้านอนเลย ท่านจะนอนหลับสนิทชนิดไม่ฝัน การนอนหลับสนิทนี้ท่านต้องการ การนอนเพียง 5 ช.ม. ก็เพียงพอ
จะทราบได้คือตอนทำงานกลางวัน จะไม่เพลีย ไม่ง่วง แสดงว่านอนหลับสนิท 5 ช.ม. เพียงพอแล้ว
นอกจากนี้มีงานวิจัยใหม่ ๆ ออกมาพบว่า คนนอน 5 ช.ม. มีอุบัติการ โรคเส้นเลือดหัวใจอุดตันน้อยกว่าพวกนอน 7-8 ช.ม.
...ฉะนั้น การออกกำลังกายตอนเย็นหรือก่อนนอน ดีกว่าออกกำลังกายตอนเช้า...
บทความจากสภากาชาดไทย :
โดย ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์เสก อักษรานุเคราะห์
ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู สภาการชาดไทย
...ปล. อยากพบเจ้าของหัวข้อกระทู้ CHAYEN หายไปใหน ใครทราบช่วยบอกด้วย
...กลับมาปั่นเหอะ เดี๋ยวจะช่วยล้างสนิมโซ่ให้
แก้ไขล่าสุดโดย louis04 เมื่อ 26 พ.ย. 2011, 00:04, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
- Ligor008
- ขาประจำ
- โพสต์: 1920
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 21:04
- Tel: 081-5976914
- team: Ligor team nakhonsri
- Bike: gary fisher
Re: *-* ห้องสุขภาพนักปั่น*-*
....อ๋อ..นึกได้แล้ว...ว่าทำไม...louis04 ตื่นสายทุกวัน...มันพันนี้เอง.....